ไอโอ — นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่ทวิตเตอร์ได้ปิดบัญชี 1,594 บัญชีใน 5 ประเทศ คือ ไทย คิวบา อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และ รัสเซีย โดยพบว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการด้านข่าวสาร หรือ ไอโอ โดยเป็นบัญชีในประเทศไทยมากที่สุดถึง 926 บัญชี ซึ่งนายพิชัยระบุว่าเป็กนการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและทหารมีความพยายามที่จะปฏิบัติการไอโอ ที่บิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด และหลายครั้งได้สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน ปลูกฝังทัศนคติที่ไม่ถูกต้องให้กับประชาชนและสร้างความเกลียดชัง
ขณะเดียวกันอมูลในสื่อพบว่ามีการตรวจสอบพบว่า 11 อันดับแรกที่โดน ปฏิบัติการไอโอก่อกวนมากที่สุดเป็นของนักการเมืองพรรคก้าวไกล และอนาคตใหม่ อันดับที่ 12 เป็นของตน พิชัย นริพทะพันธุ์ บัญชี @Pichailive ซึ่งตนเองโดนก่อกวนบ่อยครั้งมาก จนเป็นที่น่ารำคาญ และต้องตามบล็อกกัน บางครั้งข้อความเดียวกันหรือรูปเดียวกันส่งออกมาจาก 7-8 บัญชีที่ชื่อไม่ซ้ำกัน ไม่ต้องบอกก็ต้องรู้ว่าจะต้องมาจากแหล่งเดียวกันอย่างแน่นอน ข้อมูลที่ใช้ก่อกวนเป็นข้อมูลซ้ำๆ พูดแบบเดิมๆ เหมือนไม่มีความคิด ถูกสั่งให้ส่งก็ส่งมา
ยืนงง! พุทธิพงษ์ แปลกใจข้อมูล ไอโอ ถูกเผย จี้ ทวิตเตอร์ เคารพกฎหมายไทย
ขระที่บริษัทระดับโลกอย่างทวิตเตอร์ คงไม่ใส่ร้ายทหารหรือรัฐบาลไทยแบบไม่มีข้อมูล เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับบริษัทเลย และประเทศที่โดนทวิตเตอร์ ปิดบัญชีที่เหลืออีก 4 ประเทศแต่ละประเทศก็เชื่อกันว่าต้องมีปฏิบัติการไอโออยู่แล้ว แทนที่รัฐบาล และทหารจะแก้ตัว ควรจะต้องรีบแก้ไขและเลิกการกระทำดังกล่าวจะดีกว่า เพราะประชาชนโดยเฉพาะนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ฉลาดพอที่จะแยกแยะได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ม.สแตนฟอร์ด ชำแหละปฏิบัติการทวิตเตอร์ ไอโอ ของไทย
นายพิชัย กล่าวต่อว่า การที่มีการใช้เงินหลวงจากภาษีประชาชนเพื่อทำปฏิบัติการไอโอ และ ก่อความไม่สงบ สร้างความแตกแยกให้กับประชาชน แทนที่จะต้องทำหน้าที่สร้างความสงบ รักษาความมั่นคง เป็นการใช้เงินภาษีอย่างผิดประเภท แทนที่จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลและซ้ำเติมด้วยวิกฤตไวรัสโควิด
แซะเจ็บ! เยาชนปลดแอก เหน็บ ไอโอ แสนยานุภาพกองทัพไทย
อีกทั้งการที่ทหารใช้เงินหลวงแบบนี้ยิ่งเป็นเหตุผลที่ต้องปฏิรูปกองทัพ และจะต้องปรับลดงบประมาณทางการทหารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รวมถึงระงับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่จำเป็นทั้งหมด ทั้งเรือดำน้ำ รถหุ้มเกราะ เครื่องบิน VIP เป็นต้น อีกด้วย ถึงเวลาแล้วที่กองทัพจะต้องปฏิบัติตัวให้เป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน และทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง อย่าเพียงแต่พูดแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ซึ่งประชาชนจะรับรู้ได้และอาจจะหมดศรัทธาในกองทัพได้