โตโต้ นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 ที่พนักงานอัยการพระโขนงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 กาฬสินธุ์ พรรคอนาคตใหม่ และอดีตนายกสมาคมเพื่อเพื่อน, จิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์ และทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์
เปิดตัว! พล.ต.อ.ยงยุทธ เข้าร่วมพปชร. เพิ่มส.ส.ในพรรคเป็น 120 คน
จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 ปิยรัฐเดินทางไปยังคูหาลงคะแนนเสียงประชามติและฉีกบัตรลงคะแนน พร้อมกับตะโกนถ้อยคำของ ครูครอง จันดาวงศ์ ว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับการลงประชามติที่ปราศจากความชอบธรรม ภายใต้การใช้อำนาจควบคุมการแสดงออกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
สมชัย ไม่พอใจ!ท้า กกต. ลงมติ เลือกตั้งซ่อมลำปาง ถามแล้วเชิญให้ปากคำทำไม
หมอวรงค์ ลั่น!ฝ่ายไทยต้องชนะฝ่ายต่างชาติแทรกแซงหลัง โจชัว หว่อง ธนาธรขยับ
ปิยบุตร กล่าวว่า เดินทางมาให้กำลังใจทั้งสามคนซึ่งเป็นนักกิจกรรม ผู้รักประชาธิปไตย ที่เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 60 และแสดงออกอย่างสันติ เป็นอารยะขัดขืน หรือที่เรียกว่าการดื้อแพ่งพลเมือง เพื่อประท้วงต่อกระบวนการและกฎหมายที่เป็นอยู่ พร้อมทั้งยอมถูกดำเนินการตามกฎหมาย
“ผมเห็นว่าการทำประชามติครั้งนั้นไม่ได้มาตรฐาน เสรีภาพของฝ่ายที่ไม่อยากรับรัฐธรรมนูญรณรงค์ได้อย่างจำกัด ทุกวันนี้ยังมีคดีจำนวนมากค้างคาอยู่ในศาล ผมเห็นว่าในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการออกเสียงประชามติและประกาศใช้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องคงคดีจากการประชามติเอาไว้ ตรงกับข้ามยิ่งเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่าการประชามติมีปัญหา และแสดงถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย” เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 พิพากษาลงโทษนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ฐานทำลายบัตรออกเสียง และทำให้เสียทรัพย์ โดยเป็นการกระทำเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง และยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 ทุกข้อกล่าวหา
ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2561 พิพากษาแก้เป็นนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำลายบัตรออกเสียง และก่อความวุ่นวายในที่ออกเสียง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานก่อความวุ่นวาย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนัก ส่วนนายจิรวัฒน์ จำเลยที่ 2 และนายทรงธรรม จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานก่อความวุ่นวาย ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 6,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 4 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา และในวันนี้ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์