ม็อบ21พฤศจิกา พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เผยถึงการเตรียมดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่แยกเกียกกายว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ไปสำรวจความเสียหายของรถยนต์ในราชการตำรวจ ที่ถูกทำลายและแจ้งความต่อตำรวจท้องที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังสืบสอบและพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ตอนนี้รู้ตัวแล้ว กำลังจะออกหมายเรียก รวมถึงหมายจับ
ส่วนที่มีว่าจะออกหมายจับผู้ชุมนุมวันที่ 17-18 พ.ย.ในข้อหาตาม ม.112 นั้น หากมีการกระทำผิดเข้าข่ายข้อใด พนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียก หากมีพฤติกรรมหลบหนีก็จะขอหมายจับ ยืนยันว่า ม.112 ยังคงบังคับใช้ได้อยู่ เพราะเป็นสถาบันที่ทุกคนเคารพรัก ตำรวจคงไม่หนักใจ แต่ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ยึดหลักนิติรัฐ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ควบคู่กันไป อะไรที่จะลุกลามบานปลายเราจะถอย 1 ก้าว ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี แม้ไม่จำเป็นต้องเข้าจับกุมในที่เกิดเหตุทันที แต่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับภายหลังได้
ส่วนการใช้สารเคมีผสมน้ำฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและยึดตามมาตรฐานสากล การผสมสารเคมีเป็นด้วยระบบเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำไปใส่ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ต้องผสมตามสัดส่วน เปรียบเทียบเช่นแท็งก์สีพรินเตอร์ ยืนยันว่าทั้งตำรวจซึ่งเป็นต้นทางและนักข่าวรวมถึงผู้ชุมนุมที่เป็นปลายทางก็ได้รับอันตรายเท่า ๆ กัน
ในส่วนที่มีภาพปรากฏชายชุดชมพู ตอนนี้กำลังสืบสวนเพราะเบื้องต้นภาพปรากฏว่าชายคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ยืนยันว่าที่พูดไม่ได้เป็นการชี้นำว่าบุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ซึ่งขณะนี้รวบรวมเข้าสำนวนการสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าเรามีการตรวจพิสูจน์และหลักฐานตามขั้นตอน
สำหรับการชุมนุมวันที่ 25 พ.ย. นี้ กำลังรวบรวมข้อมูลและรอการประชุมอีกครั้ง ทั้งนี้จากสถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบัน มีการแจ้งจัดการชุมนุมมากขึ้น ประเมินว่า หากการชุมนุมในประเทศจะสามารถยกระดับให้เทียบเท่าอารยประเทศโดยตั้งจุดคัดกรอง จุดพิสูจน์บุคคล จัดเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและทำความสะอาด เช่น ยุโรป หรือเกาหลีได้ จะเป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญโดยแท้จริง อาจจะใช้สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ที่จุคนได้เยอะ หรือแม้แต่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ไม่ต้องมานั่งอยู่ที่แยกราชประสงค์ก็ได้