พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีนิติบุคคลไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเอสโตเนียเข้าพัก แม้จะมีผลตรวจจากประเทศต้นทาง และสนามบินสุวรรณภูมิแล้วก็ตาม ซึ่งยอมรับว่า ไม่อยากให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ หรือเกิดการเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้ ยืนยันไม่มีวีไอพี โดยต้องมีมาตราการเฉพาะกลุ่ม ส่วนเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องของทูต และวันนี้จะต้องเข้มงวดเข้าไปเจรจาและพูดคุยว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำเป็นเรื่องดีกับประเทศ แต่กฎหมายของต่างประเทศอาจจะเป็นอีกอย่าง ถ้าไปเข้มงวดโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย ก็จะส่งผลกลับมายังประเทศไทย
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้พูดคุยกับสถานทูตเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ พร้อมขยายความคำว่าวีไอพี หากเป็นระดับสูงเดินมาในระยะสั้น อาทิ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ จะเห็นว่ามาตราการในการควบคุมผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่มีบางกรณีที่ยังเป็นปัญหา ทั้งที่ขั้นตอนการขออนุญาตเข้าประเทศถูกต้องตามขั้นตอนหมด ซึ่งผิดพลาดเพราะไปพักในสถานที่ที่ไม่ใช่ของรัฐ เพราะโรงเเรมควบคุมไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลต้องหามาตราการแก้ไขต่อไป เนื่องจากต้องควบคุมให้ได้ และโรงแรมที่จะเข้าไปพักต้องขึ้นบัญชีรายชื่อ และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายคงามมั่นคงไปดูแล ซึ่งทั้งหมดยังเป็นข้อบกพร่องอยู่
ปารีณา ออกโรงปกป้อง ประยุทธ์ ! อนุสรณ์ ลั่น คำขอโทษนายกไม่จริงใจ
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ ศบค. จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับคนในชาติ และหากไม่ร่วมมือกันและโทษกันไปมาก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ พร้อมขอร้องอย่าเรียกแขกของรัฐบาลว่าเป็นวีไอพี แต่ให้เรียกว่า กลุ่มความสัมพันธ์ทางคณะทูต หรือ แขกของรัฐบาล โดยทั้งหมดที่เข้ามาต้องอยู่ในกรอบที่ไทยกำหนด พร้อมยอมรับอาจมีหลุดรอดไปบ้าง เพราะมีคนจำนวนมากแต่ต้องเร่งแก้ไขทั้งหมด
ทั้งนี้ มาตราการฟื้นฟูเยียวยาภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ศบค. ชุดใหญ่จะเป็นผู้พิจารณาให้แน่นอน แต่หากมองจะเห็นว่าได้รับผลกระทบทุกจังหวัด แต่วันนี้มีเหตุการณ์ซ้อนขึ้นมาอีก รัฐบาลต้องเร่งรัดสร้างความเชื่อมั่นด้วยการตรวจโรคซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจอัจฉริยะ ลั่น พบหลักฐานสำคัญ คดีน้องชมพู่ สงสัยผลตรวจของหมอ
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา สนับสนุนการทำงานเพื่อบริหารสถานการณ์ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของรัฐบาล จากกรณีที่ฝ่ายนิติบุคคลของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งมีมติไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ของสถานทูต หรือนักการทูตเข้าพัก หลังจากแจ้งว่าจะมีผู้มากักตัวที่คอนโดมีเนียม 14 วัน แม้ว่าจะมีผลตรวจจากประเทศต้นทาง และสนามบินสุวรรณภูมิแล้วก็ตาม
โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกันถึงข้อกำหนดที่เหมาะสม และรัดกุมโดยเร็ว พร้อมขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิต และความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้มีเอกสารแจ้งแก่คณะทูตประเทศต่างๆ แล้ว เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563
อนึ่ง ขอความร่วมมือสมาชิกทางการทูตทั้งหมด ผู้แทนทางกงสุล และองค์กรระหว่างประเทศ (DCIOs) ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย ให้เข้าสถานที่กักกันเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2563 สมาชิกของ DCIOs และครอบครัว จะต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ RT-PCR ที่สนามบิน และรัฐบาลไทยอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และประเมินมาตรการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับ DCIOs โดยกระทรวงจะแจ้ง DCIOs ให้ทราบถึงข้อมูลและแนวทางการปรับปรุงใดๆ ในเวลาที่เหมาะสมต่อไป
ทหารอียิปต์ พ่นพิษ! ก้าวไกล ชวนติดตาม ประยุทธ์ ตอบกระทู้รัฐการ์ดตก
ประยุทธ์ เผย ไม่เกิน ส.ค. ได้ยลโฉมครม.ใหม่ ย้ำจะทำให้ดีที่สุด