สมศักดิ์ โว ยธ.มีผลงานเป็นรูปธรรม ตรงใจปชช.แน่ วอนคนบ่นเปิดใจมองผลงานรัฐบาลให้ลึกลงไป มั่นใจมีนโยบายดีๆ หลังหมดช่วงโควิด-19
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าวันนี้วันหยุด ผมไม่ได้ไปไหนและไม่ได้กลับไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนสุโขทัย เนื่องจากอยู่ในช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงมีเวลาดูโทรทัศน์มากขึ้น เห็นพี่น้องต่างจังหวัดกำลังเดินทางกลับบ้าน รถแน่นถนนไปหมด เพราะเป็นวันหยุดราชการและอาจลาต่อเนื่องรวมถึง 5 วัน
ช่วงเช้า ผมตักบาตรพระหน้าบ้าน ต่อด้วยตัดผมกับ “อนงค์วรรณ บาร์เบอร์” และเมื่อมีเวลาว่างทำให้คิดถึงงานเก่าๆ นโยบายเก่าๆ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับงานใหม่นโยบายใหม่แต่ต่างกระทรวงกัน ก็ดูมีความสุขดี
ผมได้ใช้เวลาดูเอกสาร อ่านหนังสือจนผ่านไปเกือบครึ่งวัน ก็เริ่มรู้สึกหิวข้าวและคิดในใจว่าถ้ามื้อนี้เป็นผัดไทยคงจะดี เลยให้คุณอนงค์วรรณสั่งที่ “ร้านกินเส้น” แต่ทางร้านบอกว่าไม่มีถั่วฝักยาวให้สั่งเมนูอื่นแทน
ผมสงสัย เลยถามคุณอนงค์วรรณว่า “ผักสวนครัว” ที่เราปลูกในบ้าน ก็มีถั่วฝักยาวไม่ใช่หรือ ซึ่งเป็นผักปลอดสารพิษปลูกไว้ทานเอง ขนาดแปลงปลูก ก็ 7-8 ตารางวา มีผักหลากหลายชนิด เช่น พริก กระเพรา โหระพา มะกรูด มะนาว ตะไคร้ ดอกขจร สะระแหน่ก็มี
ถ้าหากจะทานแหนมเนือง ก็ยังมีผักแพวไว้แกล้มอีกด้วย จึงได้ชวนกันเดินไปดู และเก็บถั่วฝักยาวสดๆ ไปทำผัดไทย มั่นใจรสชาติหวานอร่อยแน่นอน และผมก็นึกชื่นชมคุณอนงค์วรรณ..ที่เตรียมพร้อมสำหรับการกักตัวตามนโยบายของรัฐบาลดีจริงๆ
ย้อนกลับมาเรื่องนโยบายเก่าๆ ก็นึกเสียดายอยู่หลายรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการทำนโยบายจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้นำรัฐบาล เช่น นโยบาย “โคล้านตัว” ที่ผมคิดริเริ่มก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เพราะผู้นำรัฐบาลในยุคสมัยนั้นไม่เห็นด้วย คิดคำนวณเล่นๆ ถ้าเริ่มนโยบาย “โคล้านตัว” ตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว วันนี้เกษตรกรคงลืมตาอ้าปาก ไม่เป็นหนี้เหมือนทุกวันนี้ (เป็นหนี้กองทุนหมู่บัานไม่น้อยกว่า 3,000,000 บาท/หมู่บ้าน)
อีกเรื่องหนึ่งไม่น่าเชื่อว่า การก่อสร้างสนามบินสุวรณภูมิ ที่ผู้นำรัฐบาลในขณะนั้นจะให้ยกเลิกโครงการและยกเลิกสัญญา แต่ถูกสื่อมวลชนต้านอย่างหนัก ยกเลิกไม่ได้ ดีที่สุดก็ให้ปรับชะลอโครงการให้เดินช้าๆ ปรับการก่อสร้างจากสามรันเวย์ ให้เหลือเพียงรันเวย์เดียว ซึ่งขณะนั้น ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หากไม่ดึงดันทำก็คงจะเป็นจุดอ่อนของประเทศในวันนี้ไปแล้ว เพราะไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เต็มจำนวนตามที่คาดการณ์ไว้
เมื่อพูดตรงนี้ ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายในการทำงานอยู่หลายเรื่อง แต่ที่เราได้ดำเนินการไปบ้างแล้วในตอนนี้ เช่น
1) นโยบายเช่ากำไลข้อเท้า EM ติดตามตัวผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อ
ลดจำนวนผู้ต้องขัง
2) นโยบายสร้างห้องกักเชื้อ ป้องกันโรคโควิด-19 ในเรือนจำ เพื่อป้องกันการแพร่
ระบาด
3) นโยบายสร้างเรือนนอน 2 ชั้น เพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ
4) นโยบาย “ศูนย์ยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาสพติด” เพื่อปฏิบัติการยึดทรัพย์เน้นการตัดวงจรยาเสพติด
5) นโยบายปราบการสมยอมราคา (ฮั้วประมูล) เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ผมมั่นใจอย่างมากว่านโยบายที่ผมคิดข้างต้นเหล่านี้เป็นนโยบายที่ดี เกิดประโยชน์ส่วนรวมอย่างมาก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้การสนับสนุน ตลอดจนให้ข้อสนอแนะ ที่สำคัญยังติดตามสั่งการให้เป็นรูปธรรมอีกดัวย
ซึ่งในปีนี้ผมเชื่อมั่นว่า กระทรวงยุติธรรมมีผลงานอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ประทับใจของพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีผู้คนบ่นรัฐบาล ผมขอเรียนให้ทุกท่านรับทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเพื่อรับผิดชอบดูแลงาน ผมอยากให้คนที่ชอบบ่นรัฐบาล ช่วยเปิดใจดูผลงานให้ลึกลงไปถึงแก่นแท้ของเนื้องาน หากรัฐมนตรีไม่มีแนวคิด ไม่ผลักดันนโยบายเพื่อสนับสนุนกระบวนการนโยบายหลักของรัฐบาลได้ ก็ต้องดูเอา และนั่นแหละคือการเปิดโอกาสให้คนทำงานได้เข้ามามีบทบาท ทำงานสนองนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
และผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนที่เปิดโอกาส และสนับสนุนคนทำงาน เมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 จบลง คงได้เห็นนโยบายดีๆ ของหลายๆกระทรวงโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมซึ่งมีผมเป็นรัฐมนตรี รับรองมีดีให้ดูแน่นอนครับ ขอบคุณ สวัสดีครับ
