อภิปรายทั่วไป 9 ก.ย.63 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายชี้ว่ารัฐบาลใช้อำนาจไม่อยู่ในหลักนิติธรรม กรณีส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวทิศเหนือและทิศใต้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3 / 2562 วันที่ 11 เมษายน 2562 เอื้อประโยชน์การต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าให้บริษัทหนึ่ง เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งให้มีคณะกรรมการโดยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เจรจากับบริษัทบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทเดิมที่ได้รับสัมปทาน และยังเหลือเวลาในสัญญาอีก 10 ปี และเมื่อเจรจาเสร็จ ก็เข้าสู่เงื่อนไขตามพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2562 ซึ่งมีผลไปก่อนแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2562
แต่คำสั่งที่ออกมาเป็นการยกเว้นเงื่อนไข และแก้ไขสัญญาที่เหลืออีก 10 ปี ให้เชื่อมกันเป็นสัญญาเดียวกับส่วนต่อขยายไปอีก 40 ปี ซึ่งสภาฯ เคยมีมติไม่ให้ขยายสัมปทาน โดยให้รอจนครบสัญญา 10 ปี แล้วค่อยประมูลใหม่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำตามกฎหมายร่วมทุน
แต่มีความพยายามต่อขยายสัมปทานให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เสียรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังถึง 2 คน คือนายอุตตม สาวนายน ซึ่งก่อนลาออกเคยมีหนังสือถอนความเห็นการต่อสัญญาสัมปทานสายสีเขียว เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎหมายร่วมทุน กลัวผิดกฎหมาย แต่ปรากฎว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ส่งเรื่องถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อขยายสัญญาร่วมลงทุนอีก 40 ปี
จนเมื่อนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาเจอในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก และกลัวจะผิดกฎหมาย จึงถอนเรื่องนี้ออกมาเช่นกัน เพราะไม่ถูกต้อง จึงเป็นที่มาให้นายปรีดีลาออก และถามถึงนายกรัฐมนตรีว่าจะเดินหน้าให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเรื่องนี้หรือไม่และใช้อำนาจออกคำสั่งตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเอื้อนายทุนหรือไม่
นายยุทธพงศ์ ยังอภิปรายถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า ไม่ได้จัดซื้อตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ เพราะรัฐบาลโดยฝ่ายไทย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือขณะนั้น ทำสัญญาซื้อขายกับเฮียลู่ ประธานบริษัท China Shipbuilding & Offshore International (CSOC) ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล และการโอนเงินก็ไม่ได้โอนไปหาหน่วยงานรัฐหรือกระทรวงการคลังจีน ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐหรือ Fulls Power ทั้งของฝั่งไทยและจีน และตอนนี้บริษัท CSOC ก็มาเปิดบริษัทที่ไทยแล้ว และมีหลายออฟฟิศหลายประเทศ จึงขอถามเหตุผลที่มีการการปล่อยปละแให้ไปเซ็นสัญญาที่ไม่ได้เป็นแบบรัฐต่อรัฐ
หลังจากนายยุทธพงศ์ กล่าวจบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็กล่าวสั้น ๆ ว่า นายยุทธพงศ์ จะได้มีข้อมูลไว้สู้คดี
ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นเกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เรื่องการจัดหาเรือดำน้ำเป็นการจัดหายุทโธปกรณ์แบบรัฐต่อรัฐ โดยยกเว้นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ซึ่งในการดำเนินการระยะที่ 1 เป็นการดำเนินแบบรัฐต่อรัฐและผ่านการพิจารณาด้านกฎหมายทั้งกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ ส่วนสาเหตุที่เมื่อเป็นแบบรัฐต่อรัฐเหตุใดไม่เอาเรื่องเข้ารัฐสภา เนื่องจากไม่ได้เป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 และรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 แต่เป็นสัญญาซื้อขายเชิงพาณิชย์ระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศว่า ในกรณีนี้เป็นร่างข้อตกลงระหว่างเป็นการซื้อขายเชิงพาณิชย์ จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศและรัฐธรรมนูญมาตรา 178 เมื่อต้องด้วยรัฐธรรมนูญจึงไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือขอหนังสือมอบอำนาจเต็มหรือ Full Power สรุปกองทัพเรือจึงดำเนินการได้
สำหรับประเด็นที่ว่าทำไมผู้ลงนามในข้อตกลงของฝ่ายไทยจึงเป็นเสนาธิการทหารเรือ แต่ฝ่ายจีนเป็นผู้แทนบริษัท China Shipbuilding & Offshore International หรือ CSOC และเหตุใดทำไมถึงจ่ายเงินให้กับบริษัทเอกชนทั้ง ๆ ที่เป็นการซื้อจากรัฐบาลจีน ขอเรียนว่าในส่วนของรัฐบาลไทยนั้นคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้ลงนาม และได้มีการมอบให้เสนาธิการทหารเรือเป็นผู้ลงนาม
ขณะที่รัฐบาลจีนได้มอบอำนาจให้องค์กร ส่วนประเด็นที่ผู้ลงนามฝ่ายไทยเป็นเสนาธิการทหารเรือ แต่ฝ่ายจีนเป็นผู้แทนเอกชนเป็นผู้ลงนามนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบอำนาจให้เสนาธิการทหารเรือ ขณะที่ ฝ่ายจีน รัฐบาลจีนมอบหมายให้องค์การบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ หรือ The State Administration for Science, Technology and Industry for National Defense (SASTIND) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลจีนและเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งได้มอบอำนาจให้CSOC ที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ 100% โดยในหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทของCSOC โดยมีการระบุคำว่า State-owned ที่ย้ำถึงความเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วน เรื่องการจ่ายเงินให้กับCSOCนั้นเป็นเพราะSASTINDได้มอบอำนาจเต็มให้กับ CSOC