อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้อภิปรายว่า ทั้งนี้ในบรรดาข้อกล่าวหาทั้งหมดพวกตนไม่ได้อคติแต่จะชี้ให้เห็นว่าความล้มเหลวของรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง เช่นเรื่องความล้มเหลวทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ จะเอาหัวใจของประชาชน และเรื่องที่หนีไม่พ้นคือเรื่องโควิด วิธีคิดของท่านมีปัญหา ต่างชาติไม่ยอมรับท่าน และเรื่องใหญ่ที่สุดคือไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศตามที่ผู้นำฝ่ายค้านพูด เอื้อพวกพ้อง บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนจะล้มก็ยังเอื้อพวกพ้อง ขาดจริยธรรม และสุดท้ายความล้มเหลว
โดยเฉพาะในวันนี้จะพูดถึงความล้มเหลวจะพูดลอย ๆ ไม่ได้ รายงานเศรษฐกิจตรงกันหมด ประเทศไทยเป็นประเทศที่เศรษฐกิจล้มเหลวที่สุด ต้องยอมรับว่านายกฯ โชคดีที่มีพอเกิดวิกฤตเรื่องนี้ก็มีเรื่องอื่นมาช่วย ถ้าเป็นรัฐบาลคนอื่นไปแล้ว ซึ่งสภาพัฒน์กล้าหาญมากที่แถลงก่อนอภิปราย แต่วันนี้ไปดูลบแล้ว ไม่รู้ว่าใครไปต่อว่า ตัวเลขมหาภาคไปแสดงตรงไหน ก็ไปแสดงตรงหนี้ประเทศ หากตัด 50% ของมหาเศรษฐีออก จะเหลือไม่กี่ % ของชาวบ้าน ซึ่งในวันนี้ตัวเลขมหาภาคทุกตัวตกต่ำ
นอกจากนี้ เมื่อต่างชาติไม่ยอมรับ อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ซึ่งตนกำลังจะบอกว่าความไร้ประสิทธิภาพของนายกคือหาเงินไม่เป็น หากหาเงินเป็น 70% จะไม่หาย และมาเก็บภาษีเพิ่มกับประชาชน
ฉะนั้นท่านได้อย่างเดียวคือมาหาเงินในประเทศ บวกกับราคาสินค้า และในที่สุดก็ต้องกู้ อยู่ด้วยการกู้ ปีที่แล้วมีการกู้มากที่สุด ทำให้เงินค้างท่อ คือการใช้ไม่ทัน ที่สำคัญที่สุดการใช้เงินไม่เป็น ในการขอกู้ปี 63 ไม่พอ และมาขอกู้ฉุกเฉินอีก ทุจริตคือความล้มเหลวในการแก้ปัญหาประเทศ แต่ล่าสุดปีนี้จีพีไอ คอรัปชั่น คะแนนความโปร่งใสอยู่ที่ 36 แสดงว่าความทุจริตยังมีอยู่มาก หากชี้แจงได้พวกตนก็ไม่ติดใจอะไร ซึ่งการโกงทุจริตเชิงนโยบายมีทั่วประเทศ เช่นโครงการการแก้ปัญหาภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งมีปัญหาต่อกลไกตลาด
“หากจะสงสัยว่าบริหารประเทศมาสองปีเอาเงินไปซุกไว้ไหน ก็ไม่ผิดเพราะไม่แสดงทรัพย์สิน พวกตนที่นั่งอยู่ตรงนี้แสดงกันหมด ความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ในการเยียวยาคนจนไม่ได้ คนรวยได้ ยุคนายกประยุทธ์ ปี 63 ฟันหลอไม่มีข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน หรือ จปฐ.ซึ่งปี 61 62 ที่ผ่านมามีหมด หากมีตรงนี้ก็จะสามารถเยียวยาได้ตรงจุด เอื้อพวกพ้อง หากใครเป็นพวกท่านท่านก็เอื้อ
เสรีพิศุทธ์ ซัดนายกฯ ไร้ฝีมือปราบพนัน หากเทียบกับตนเองครั้งบุกทลายบ่อนปี49
ทั้งนี้ นายสุทิน ได้อภิปรายตอนหนึ่งถึงเหตุผลถึงในการใส่เรื่องสถาบันพระมหากษตัริย์ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่า “ทำไมต้องมีญัตติแบบนี้ เมื่อก่อนไม่เคยมี เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีเหตุการณ์แบบนี้กับสถานบันฯ นายกฯกี่คนที่ผ่านมา ไล่ไปตั้งแต่ในอดีต เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับสถานบันฯหรือไม่ ผมจะพูดในมุมที่พวกผมปกป้อง ผมเคยเตือนท่านนายกฯ ในเรื่องถวายสัตย์ฯมาแล้ว”
ทำให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงทันที โดยระบุว่า นายสุทินนำสถาบันฯมาอภิปรายโดยไม่จำเป็น เพราะไม่ได้อยู่ในญัตติ แต่ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ให้นายสุทิน อภิปรายต่อ โดยระบุว่า การอภิปรายยังอยู่ในญัตติ และการเอ่ยถึงสถาบันไม่ได้เป็นการสร้างความเสียหาย
นายสุทิน อภิปรายว่า “พวกผมคิดแล้วคิดกันอีก เรื่องนี้ต้องมีญัตติ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ต้องเตือนกัน เราเตือนแล้วตั้งแต่ตอนถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ พอเกิดเรื่องก็ยังแนะนำให้ท่านเสียสละตัดไฟแต่ต้นลม อย่าให้เลยป้าย เหตุการณ์ขบวนเสร็จฯ ถ้าเป็นนายกคนอื่นลาออกแล้ว แล้วมาตรวจสอบภายหลัง แต่นี่มาชี้หน้าด่าคนอื่นเฉย อันนี้ไม่ดีเลย”