เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เผยสุดงง ส.ส. ภูมิใจไทย แจ้งความเอาผิด อ้างเรียก งูเห่า ทำเสียชื่อเสียง ลั่นไปเจอกันศาล ” ผมและทีมงานยินดี”
14 มิ.ย. 63 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร – Taopiphop Limjittrakorn ระบุข้อความว่า “เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด”
ผมและทีมงาน ได้ไปลงพื้นที่บริเวณตลาดเช้าหมู่บ้านสินทวี เพื่อแจกจ่ายเจลล้างมือและเฟซชิลด์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและป้องกันภัยโควิด-19
ทั้งนี้ แม้พื้นที่นี้จะอยู่นอกเขตการเลือกตั้งที่ผมได้รับเลือกได้เป็นส.ส. แต่ผมก็เห็นว่าทางพรรคก้าวไกลเองไม่มีตัวแทนที่ทำพื้นที่และดูแลประชาชนในเขตตน ก็เลยเป็นหน้าที่ของผมที่ทางพรรคได้รับมอบหมาย และเป็นหน้าที่อันชอบด้วยกฏหมายและตามเจตจำนงค์ของการเป็นผู้แทนราษฎร ในการที่จะดูแลประชาชนชาวไทย โดยไม่เกี่ยงว่า พื้นที่นั้นจะสามารถเลือกตนเองได้เป็นผู้แทนได้รึเปล่า
และในส่วนหนึ่ง ก็เป็นการขอโทษ และชี้แจงต่อประชาชนว่า อดีตส.ส.พรรคอนาคตใหม่เขต จอมทอง-ธนบุรี ได้ย้ายพรรคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอาจจะมีการสื่อสารที่ใช้ถ้อยคำที่เป็นคำทั่วไป ซึ่งอาจจะสื่อสารคำว่า “งูเห่า” ผมมองว่าทางสื่อ หนังสือพิมพ์,โทรทัศน์ ได้ใช้และเป็นที่รู้โดยทั่วไป
แต่ส.ส.โชติพิพัฒน์ อดีตเพื่อนร่วมพรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนี้ย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวนที่ สน.ท่าข้าม ให้สอบสวนผมและทีมงานครับ ข้อกล่าวหาที่เราได้รับคือ ในขณะลงพื้นที่แจกของในโครงการ”สะพานบุญ”นั้น มีการไปเรียกเขาว่าเป็น “งูเห่า” โดยในใบแจ้งความ คุณโชติพิพัฒน์ระบุไว้ว่า “ซึ่งอาจตีความได้ว่าผู้กล่าวหาเป็นคนไม่ดี เป็นสัตว์เดรัจฉานที่มีพิษร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง ดูหมิ่น เกลียดชัง”
ผมเองก็แอบงงนิดหน่อย คือปกติสื่อก็ลงกันเป็นธรรมดาทั่วไปว่า สส.งูเห่าหมายถึงเรื่องพฤติการณ์ย้ายพรรคนั่นเอง
หลักเกณฑ์ที่จะเอามาใช้พิจารณาเรื่องการหมิ่นประมาทนั้น ข้อเท็จจริงที่ผู้พูดจะเป็นการหมิ่นประมาทได้ ก็ต้องไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นเพียงคำหยาบคายหรือข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ เช่น กล่าวหาว่าคนนั้นเป็นผีปอบ ซึ่งไม่สามารถเป็นไปได้ เช่นนี้ไม่ผิดหมิ่นประมาท
ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2509 ความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องเป็นการแสดงข้อความให้คนฟังคนเห็นเชื่อ จึงจะเกิดความรู้สึกเกลียดชัง ดูหมิ่น ขึ้นได้ จำเลยกล่าวว่าโจทก์เป็นผีปอบ เป็นชาติหมา ความรู้สึกนึกคิดของคนธรรมดาไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นไปได้ จึงไม่ก่อให้เกิดความเกลียดชังหรือดูหมิ่นอย่างใด และข้อความใดจะเป็นการทำให้เสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ต้องถือตามความคิดของบุคคลธรรมดาผู้ได้เห็นได้ฟัง คำกล่าวของจำเลยจึงไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
(ความผิดฐานดูหมิ่น ถ้าเป็นการกล่าวด้วยวาจา ต้องเป็นกล่าวซึ่งหน้าตามมาตรา 393 โจทก์มิได้อยู่ในที่เกิดเหตุ มิใช่กล่าวซึ่งหน้า จึงไม่ผิดฐานดูหมิ่น)
ถ้าคุณโชติพิพัฒน์จะยืนยันเรื่องว่า คำว่า”งูเห่า”ที่มีการกล่าวเป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกหมิ่นเกลียดชัง ก็ได้ครับ
อยากถามคุณโชติพิพัฒน์เหมือนกันครับ ว่าการเป็นผู้แทนราษฎรของพี่ คือ
“ราษฎรเป็นของพี่ หรือพี่ เป็นของราษฎร”
ไปเจอกันในศาลเลยครับ ผมและทีมงานยินดี