ธนาธร ซัดรัฐบาล จบโควิดชนชั้นกลางล่มสลาย – กลุ่มทุนยิ่งผูกขาด

ธนาธร กางแผนงบประมาณ อัดรัฐไทยเอาเงินภาษีอุ้มกลุ่มทุน-หมางเมินคนจน คาดหลังโควิดยิ่งเหลื่อมล้ำ ชนชั้นกลางล่มสลาย- กลุ่มทุนยิ่งผูกขาด

12 ก.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า – progressive movement ได้โพสต์ข้อความว่า ธนาธร” ร่วมเวที “365 วัน รัฐสวัสดิการไทย ถดถอยหรือก้าวหน้า”***
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ที่อาคารห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมวงเสวนา “365 วัน รัฐสวัสดิการไทย ถดถอยหรือก้าวหน้า?” จัดขึ้นโดยเครือข่าย We Fair โดยยืนยันว่าระบบสวัสดิการถ้วนหน้าเป็นเรื่องเจตจำนงทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องเงินไม่พอ พร้อมย้ำอีกครั้งว่าประเทศไทยมีเงินมากพอที่จะดูแลคนไทยทุกคนได้ แต่รัฐเลือกที่จะเอาไปหนุนกลุ่มทุนโดยไม่เหลียวแลประชาชน

ธนาธรกล่าวว่าสิ่งที่ตนต้องการแสดงให้เห็นในการพูดวันนี้ คือรูปธรรมจากงบประมาณที่เกิดขึ้นจริงในงบประมาณปี 2563 และร่างงบประมาณปี 2564 ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อยืนยันสองเรื่อง 1) ที่ว่ารัฐบาลดูแลแต่กลุ่มทุนไม่เหลียวแลประชาชน พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงจากงบที่รัฐบาลใช้ 2) ตนต้องการทำลายมายาคติที่ว่า เรามีเงินไม่พอสร้างสวัสดิการให้ประชาชนที่ดีกว่านี้ การจัดสวัสดิการให้ประชาชนเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ถ้ารัฐบาลมีเจตจำนงที่จะทำสามารถทำได้ทันที ไม่ใช่เรื่องเงินไม่พอ เป็นเรื่องเจตจำนงทางการเมืองล้วนๆ

ซัดนโยบายรัฐ “อุ้มกลุ่มทุน” มากกว่าช่วยเหลือ “คนจน”
ธนาธรกล่าวว่าประเทศไทยมีสวัสดิการสังคม 6 ตัวใหญ่ๆ ที่กระจายไปในแต่ละช่วงอายุของคนที่ต่างกันไป คือ 1) สวัสดิการเด็กยากจน 2) สวัสดิการเรียนฟรี 3) บัตรคนจน 4) เบี้ยผู้สูงอายุ 5) ประกันสังคม และ 6) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในปี 2563 งบประมาณสวัสดิการ 6 ตัวนี้รวมกันเป็นงบประมาณ 3.52 แสนล้านบาท ส่วนปี 2564 รวมกัน 3.85 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าเราเอาเรื่องรัฐสวัสดิการไปพูดกับฝั่งอนุรักษ์นิยม สิ่งที่เขาจะบอกตลอดแค่นี้ก็พอแล้ว คนจนให้ไม่เคยพอ คนจนขี้เกียจไม่คิดจะหาเลี้ยงดูตัวเอง ต้องพึ่งพิงจากรัฐตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่พวกอนุรักษ์นิยมจะพูดตลอด แต่ตนจะพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือคำโกหก ในความเป็นจริง คือเรายังดูแลคนในประเทศเราน้อยไปด้วยซ้ำ แต่กลับไปอุ้มชูกลุ่มทุนแทน ไม่ว่าจะเป็น นโยบายล่าสุดที่รัฐบาลลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF หรือกองทุนที่ทุกธนาคารต้องส่งเงินประมาณ 0.46% ของยอดเงินฝากทุกปี เพื่อใช้หนี้ที่กู้มาสมัยวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ที่ทำให้ทุนธนาคารได้ประโยชน์, การผยุงหุ้นกู้บริษัทขนาดใหญ่ที่ไม่ได้สัดส่วนเมื่อเทียบกับ ผู้ประกอบการ SMEs และมี 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ได้วงเงินไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่ง หรืออีกตัวอย่าง การลดค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ขณะที่ประชาชนยังไม่เริ่มล็อกดาวน์ ยังไม่ได้เงินอะไรเลย

ช่วงเวลายากแบบนี้ ควรเพิ่มทหารหรือพยาบาล
ธนาธรกล่าวว่ารัฐราชการรวมศูนย์ คือหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้งบประมาณไม่ได้ถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่กลับเอามาหล่อเลี้ยงระบบรัฐราชการที่ใหญ่โตมโหฬาร ที่ไม่ตอบสนองความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐราชการที่ใหญ่ขึ้นนี้เป็นปัญหาจริงๆ กับเงินภาษีของเรา ยกตัวอย่าง ในปี 2560 บุคลากรในกระทรวงกลาโหมในอัตราที่ไม่ใช่ทหารเกณฑ์มีอยู่ 3.96 แสนคน พอมาปี 2563 เพิ่มเป็น 4.8 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9 หมื่นคน แต่ในเวลาเดียวกัน พยาบาลวิชาชีพในประเทศไทยเมื่อปี 2559 มีอยู่ 1.08 แสนคน ส่วนปี 2564 เพิ่มขึ้นมาเป็นแค่ 1.18 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นคนเท่านั้น

“นี่คือเรื่องของสามัญสำนึกพื้นฐาน มีใครคิดว่าช่วงนี้ ในช่วงรอบ 4 ปีมานี้เราต้องการทหารมากกว่าพยาบาลบ้าง ใช้สามัญสำนึกพูดกันเลยง่ายๆ ว่าคนที่คุณจะต้องควรเอางบไปเพิ่ม ควรจะเป็นใครระหว่างทหารกับพยาบาล แล้วนี้คุณเพิ่มทหารมา 8-9 หมื่นคนในช่วงเวลานี้ ขณะที่พยาบาลเพิ่มหมื่นคน นี่มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่แค่ใช้สามัญสำนึก ว่าถ้าคุณเป็นนายกคุณจะเพิ่มอัตราที่ไหน ที่สำคัญคือบุคลากรสาธารณสุขที่ต้องมาดิ้นรนวันนี้เพื่อให้ได้รับการบรรจุ นี่คือคนที่มีคุณค่าของสังคม แต่คุณไม่ให้เขาบรรจุ แล้วไหนล่ะที่คุณบอกว่าเขามีคุณค่าต่อสังคม”

ชี้ช่องดึงเงินนอกงบ 4.4 ล้านล้านจัดสวัสดิการ – มั่นใจประเทศมีทรัพยากรเพียงพอดูแลทุกคน
เวลาเราพูดถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท มันมีงบที่รัฐบาลจัดสรรโยกย้ายได้ 1.1 ล้านล้านบาท ที่เหลือเป็นรายจ่ายประจำที่จัดสรรโยกย้ายไม่ได้ ใครเป็นรัฐบาลขึ้นมาก็ต้องใช้จ่าย แต่เวลาเราพูดว่าประเทศเรามีเงินพอ ยังมีอีกตัวที่เรามองไม่เห็น ตรวจสอบไม่ได้ คือเงินนอกงบประมาณ 4 ล้านล้านบาทต่อปี เรามองไม่เห็น แม้กระทั่งผู้แทนราษฎร เป็นงบที่ไม่ต้องสำแดงต่อสภาผู้แทนราษฎร ไม่ต้องแสดงต่อกรรมาธิการ มากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีอีก นี่เป็นประเด็นที่ใหญ่มากที่เราต้องต่อสู้กัน จะมีงบแบบนี้ให้หน่วยงานรัฐเก็บกันเองแล้วไม่ต้องสำแดงไม่ได้

“เพราะฉะนั้น การสร้างรัฐสวัสดิการ มันเป็นเรื่องของเจตจำนงทางการเมืองล้วนๆ เลยว่าจะจัดสรรงบประมาณอย่างไร ถ้าไอ้ 4 ล้านล้านบาทที่อยู่ข้างนอกนั่นเอากลับมาได้สัก 10% เราจะได้งบเพิ่มอีก 4 แสนล้านบาท เราจะจัดสรรสวัสดิการได้อีกเยอะ แนวคิดที่เราบอกว่ารัฐอุ้มคนรวย ไม่เห็นหัวคนจน มันแสดงผ่านงบประมาณ จับต้องได้ว่าป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่คำพูดที่จะเอามาลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล และเรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะดูแลคนไทยด้วยกันได้ดีกว่านี้ ถ้าเราตั้งใจมุ่งมั่นที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อการนั้น”

“ษัษฐรัมย์” ขี้หลังโควิดชนชั้นกลางล่มสลาย – กลุ่มทุนขนาดใหญ่ยิ่งผูกขาด
ด้านษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ ภาควิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ช่วงหาเสียง แทบทุกพรรคพูดเรื่องรัฐสวัสดิการอย่างกว้างขวาง เพราะที่ผ่านมาสวัสดิการของประเทศไทยแทบไม่คืบหน้า เราเผชิญกับความเหลื่อมล้ำที่หน้าตาเหมือนเดิมหลายสิบปี แต่อำนาจรัฐและทุนเติบโตขึ้นทุกปี แอกที่อยู่บนหลังเราเป็นแอกเดิมและวัวยังเป็นวัวตัวเดิม มี 4 เสาที่ค้ำยันความสิ้นหวังของประเทศไทย คือ 1.ความเหลื่อมล้ำ 2. ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ 3.ความไร้เสรีภาพทางทางการเมืองและการแสดงออก และ 4.การถูกกักขังด้วยชาติกำเนิด คนไทยร้อยละ 30 มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 10,000 บาท แต่รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 27,000 บาท นำมาซึ่งความไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการแบ่งลำดับชั้นที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่นถ้าคุณเป็นข้าราชการ คุณจะได้รับสวัสดิการสูงกว่าประชาชนสูงกว่า 4-5 เท่า และภายใต้วิฤติโควิด-19 ได้เผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น แต่ทว่าปัญหาต่างๆ เหล่านี้ กลับไม่มีการแก้ไขในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเลย ภาวะความเสี่ยงของการไร้รัฐสวัสดิการที่เกิดขึ้น คือการขยายตัวของกลุ่มแรงงานเสี่ยงที่ไม่มีอำนาจต่อรอง ไม่มีสัญญาจ้าง ไม่สามารถเลื่อนลำดับชั้นในองค์กรได้ และเมื่อมีวิกฤติโควิด-19 เกิดขึ้น ก็ยิ่งตอกย้ำปัญหานี้ให้หนักหน่วง

“แรงงานนอกระบบและในระบบกำลังจะตาย คนระดับล่างลงมาได้รับส่วนแบ่งตลาดที่น้อยลง แต่การผูกขาดของกลุ่มทุนขนาดใหญ่มีมากขึ้น อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เรากำลังจะเห็นคือ ชนชั้นกลางที่กำลังจะล่มสลาย ประจักษ์ชัดจากเด็กจบมหาวิทยาลัยใหม่กำลังจะไม่มีงานทำนับแสนคน นี่คือข้อพิสูจน์ว่าในสังคมนี้ ไม่ว่าคุณจะขยัน อดทน ทำงานหนักขนาดไหน คนก็ไม่สามารถขยับขยายได้ จากการสำรวจของธนาคารโลก ครอบครัวที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทในประเทศไทยเพียง 7% เท่านั้นที่จะสามารถเลื่อนลำดับชั้นขึ้นไปสูงกว่าที่เป็นอยู่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจนลง กลับกัน กลุ่มทุนขนาดใหญ่ผูกขาดและขยายตัวมากขึ้นผ่านเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล และพวกเราจะถูกจัดลำดับชั้นมากขึ้น” ษัษฐรัมย์กล่าว

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ผิดแค่ไหน! พ่อค้าร้านขาหมูประกาศหยุดขาย หลังถูกร้องเรียนเสียงดัง

พ่อค้าร้านข้าวประกาศ หยุดขายขาหมู หลังเพื่อนบ้านร้องเรียน สับหมูรบกวนเสียงดัง ล่าสุดเทศบาลนัด 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยพรุ่งนี้

สพฐ. แจงปม ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ ที่ร้อยเอ็ด ชี้! ผิดวินัยไม่ร้ายแรง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เผยผลสรุป ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ พบผิดวินัยไม่ร้ายแรง เตรียมลงดาบทางวินัย แต่ให้โอกาสปรับปรุงตัว

ณเดชน์ ใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง พร้อมขอโทษ ญาญ่า

ณเดชน์ คูกิมิยะ ถึงกับใจวูบ! หลังเห็นกระแสข่าว เลื่อนงานแต่ง บานปลายสร้างความเข้าใจผิด พร้อมขอโทษ ญาญ่า อุรัสยา

แชร์สนั่น! “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่เด็กสมบูรณ์ พกง่าย ละลายเร็ว

ชาวเน็ตอึ้ง! เด็กสมบูรณ์เปิดตัว “ซีอิ๊วขาวแบบเม็ด” นวัฒกรรมใหม่ ของซีอิ๊วขาว มาพร้อมกับสโลแกน พกสะดวก ละลายไวใน 5 วินาที

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ยินดี สมรสเท่าเทียมผ่าน เผยเป็นวันที่รอคอยมานาน

ป๊ายปาย โอริโอ้ โพสต์ข้อความร่วมยินดี เมื่อสมรสเท่าเทียมผ่านครม. พร้อมเผยเป็นวันที่รอคอยมานานมาก โลกเปิดกว้าง ไม่จำกัดเพศ
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า