จากกรณีที่น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้โพสต์เฟสบุ๊กชื่นชมครูโอ้น หรือนายสมไชย กระต่ายทอง คุณครูจากโรงเรียนวัดเขาวัง เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ที่สละเงินเดือนซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กให้กับเด็กนักเรียน ที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อให้เด็กได้ใช้ประโยชน์ในการเรียน ซึ่งทำให้มีขาวเน็ตต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ น.ส.ตรีนุชอย่างมาก เนื่องจากตนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการควรแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และปัญหาโครงการสร้างทางการศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่ควรมาชื่นชม นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่ออกมาเรียกร้องให้น.ส.ตรีนุชต้องออกมาขอโทษสังคมที่ปล่อยให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นในสังคม
ล่าสุด น.ส.ตรีนุชได้โพสต์เฟสบุ๊กชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ในหัวข้อ “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หนึ่งเป้าหมาย หลายมุมมอง” โดยระบุว่า
ก่อนอื่น ดิฉันต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ส่งความคิดเห็น ข้อติชม ผ่านช่องทางต่าง ๆ เข้ามาให้ดิฉันได้อ่าน และทำความเข้าใจต่อเรื่องราวของครูโอ้น ซึ่งดิฉันได้มีโอกาสแชร์เรื่องราวของท่านเมื่อวานก่อน มีอยู่หลายคอมเม้นต์ที่ดิฉันอ่านแล้วและรู้สึกว่าเป็นประโยชน์ที่จะหยิบเอามาพูดคุย ต่อยอด เพื่อที่จะหาแนวทางในการปรับปรุง แก้ไขระบบการศึกษาของบ้านเรา ในการลดช่องโหว่ของการพัฒนา ให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
เดิมดิฉันมีเจตนาที่ต้องการแต่เพียงที่จะมอบกำลังใจ สำหรับคุณครูที่ทำความดี มีจิตสาธารณะ แม้จะต้องสละความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตไปบ้าง แต่ก็ทำเพื่อหวังให้ลูกศิษย์ของตนได้มีโอกาสทัดเทียมกับน้อง ๆ นักเรียนคนอื่น ๆ หากนั่น ก็ทำให้ดิฉันตกผลึกได้ว่า เหรียญอีกด้านหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ‘คำถาม’ ที่มีกลับมายังนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ ว่า
เราปล่อยให้มีความขาดแคลนเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ และครูของเราได้อย่างไร?
และนั่นไม่รวมถึงว่า เมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว
เรายังมีโรงเรียน หรือสถานศึกษาที่ยังคงประสบปัญหาอย่างเดียวกัน เช่นเดียวกับที่ครูโอ้นและน้องนักเรียนคนดังกล่าวอีกเท่าไหร่ในประเทศไทยของเรา
ดิฉันต้องขออภัยหากสิ่งที่ดิฉันได้สื่อออกไปแล้ว ทำให้ผู้อ่านหลายท่านมองว่าเป็นการ ‘romanticize’ สิ่งที่ควรถูกมองว่าเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และจะทบทวนทั้งวิธีคิด วิธีการสื่อสาร ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ใหม่ เพื่อไม่ให้ภาพของน้ำใจและการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ กลายเป็นการปิดบังหรือกดทับ ‘ปัญหาเชิงโครงสร้าง’ ที่ซ่อนอยู่ในระบบการศึกษา
และจะขอใช้โอกาสนี้ในการตระหนัก และเน้นย้ำถึงหนึ่งในนโยบายที่ดิฉันได้เคยแถลงไว้ นั่นคือ ‘การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลแห่งชาติ การส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจำวัน และการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวางผ่านระบบออนไลน์’ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีประเด็นความเหลื่อมล้ำให้ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพราะวันนี้ เรื่องของเทคโนโลยี เป็นได้ทั้งเครื่องลด และเพิ่มความเหลื่อมล้ำได้ในเวลาเดียวกัน
การพัฒนาแหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ไปจนถึงการสร้างผู้เรียนให้มีความเชี่ยวชาญในทักษะดิจิทัล (Digital Literacy) เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีโครงข่ายสัญญาณ (Digital Infrastructure) อุปกรณ์การเรียน ที่มีความพร้อม และครอบคลุมให้กับคุณครู และเด็กไทยทุกคน
ชื่อว่าความเหลื่อมล้ำแล้ว คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร มีมุมมองต่อระบบการศึกษาไทยอย่างไร หากท่านเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำเป็นโจทย์สำคัญที่ดิฉันและกระทรวงศึกษาธิการ ต้องเอาจริง และให้ความสำคัญอย่างสูงสุดแล้ว
เราคือทีมเดียวกันค่ะ