จิราพร ส.ส.เพื่อไทย — เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2564 น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในประเด็นการบริหารจัดการการแพร่ระบาดโควิด19 ที่ล้มเหลว โดยน.ส.จิราพรได้ตั้งคำถามถึงประเด็นที่คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้มีมติให้ซื้อวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปอย่างเคร่งครัด ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลต้องจัดซื้อวัคซีนมากกว่า 1 ยี่ห้อ แต่คณะรัฐมนตรีกลับมีมติซื้อวัคซีนซิโนแวคเพียงอย่างเดียว และที่ผ่านมาสื่อของสหรัฐฯเคยเสนอข่าวบริษัท ซิโนแวค เคยติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศต่างๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำใหรัฐบาลไม่จัดซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่นหรือไม่
เกาหลีเหนือ ปฏิเสธข้อเสนอไม่รับ! วัคซีนซิโนแวค จากจีน
นอกจากนี้ น.ส.จิราพร ยังได้ตั้งคำถามในประเด็นเงินทอนวัคซีนซิโนแวค 5ครั้ง ที่มีการจัดซื้อโดสละ 17 เหรียญสหรัฐ 10.9 ล้านโดส โดยอ้างเป็นการจัดซื้อเฉพาะครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆไปราคาจัดซื้อลดลง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดการจัดซื้อครั้งที่2-5 ครม.ยังอนุมัติเงินจัดซื้อราคา 17เหรียญสหรัฐต่อโดสเหมือนเดิม หลักการถ้าซื้อราคาใดต้องอนุมัติเงินราคานั้น ไม่ใช่ขอเผื่อไว้ จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรว่า มีเงินทอนจากที่ครม.อนุมัติเงินเกินจริง 1.6 พันล้านบาท เพื่อยืนยันความโปร่งใสขอให้รัฐบาลนำเอกสารมาชี้แจงคือ หลักฐานการจ่ายเงินที่กรมควบคุมโรคจ่ายให้องค์การเภสัชกรรม(อภ.)ไปซื้อวัคซีน
น.ส.จิราพรยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลนำเอกสารการจ่ายเงินที่องค์การเภสัชจ่ายค่าวัคซีนให้บริษัทซิโนแวคมาแสดงในทุกครั้ง อย่าอ้างเปิดเผยไม่ได้ เพราะเป็นภาษีประชาชน ไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ การอ้างเงินส่วนที่เหลือจะส่งคืนคลัง ตอบง่ายเกินไป ต้องเอาหลักฐานมาแสดง มิเช่นนั้นจะไม่มีใครเชื่อ
ผลวิจัยชี้ วัคซีนซิโนแวค มีผลทำให้เสี่ยงมีอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
วันนี้ประชาชน ที่เป็นเจ้าของภาษีอยากรู้มีเงินทอนหรือไม่ หากพล.อ.ประยุทธ์หรือนายอนุทินไม่มีคำตอบที่ไม่ชัดเจน แสดงว่าค้าความตาย หากินบนซากศพ ขณะเดียวกันน.ส.จิราพรยังได้กว่าวในช่วงท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า “ภาวะประเทศไทยขณะนี้ สัปเหร่อทำงานมากกว่านายกฯ พล.อ.ประยุทธ์เวิร์คฟอร์มโฮมปิดทองหลังพระ แต่พระต้องมาใส่ชุดพีพีอี ใส่หน้ากากช่วยเหลือประชาชน ทุกอย่างกลับตาลปัดไปหมด ประชาชนต้องรอตรวจ รอเตียง รอตายกลางถนน จนเตาเผาศพพัง แต่รัฐบาลยังอยู่ได้ จริงๆเตาเผาศพต้องยังอยู่ แต่รัฐบาลต้องไป
คนจำนวนมากไม่ได้ตายเพราะโรคระบาด แต่ตายเพราะความไม่ฉลาดของผู้นำ ขอไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากโควิด ชาติหน้ามีจริงฉันใดขอให้ท่านเหล่านี้ อย่าได้มาเกิดในยุคที่มีรัฐประหารยุคพล.ประยุทธ์ อย่าได้มาเกิดในยุคของผู้นำที่ขาดความรับผิดชอบ อย่าได้มาเกิดในยุคที่มีผู้นำโอหังคลั่งอำนาจ ไม่เห็นหัวประชาชน อย่าได้มาเกิดในยุคที่ผู้นำค้าความตาย หากินบนซากศพและที่สำคัญอย่าได้มาเกิดในยุคที่ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด”