วัคซีนพระราชทาน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์ “วัคซีนพระราชทานฯ ใครได้-ใครเสีย ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์แล้วว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการอนุญาตให้นำวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล็อตแรกมาใช้ในประเทศไทยเป็นกรณีฉุกเฉิน และนายกฯได้ให้ อย.เร่งดำเนินการพิจารณาตรวจสอบวัคซีนแล้ว ขณะเดียวกันหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนแล้วจะมีการติดตามผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการที่จะนำวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับคนไทยและให้ปลอดภัยสูงสุด
ดังนั้นจึงขอนายธนาธรอย่ามาพูดกล่าวหาแบบมั่ว ๆ และรีบสรุปในเรื่องของการนำวัคซีนเข้ามา เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆทุกอย่างต้องผ่านการรับรองว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพจากต่างประเทศด้วยและทุกบริษัทก็สามารถมายื่นขอใบรับรองจาก อย.ได้ตามขั้นตอนราชการถ้ามั่นใจในคุณภาพของวัคซีน
ส่วนที่นายธนาธร กล่าวโยงว่า วัคซีนบางบริษัทไปเกี่ยวข้องพาดพิงกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นายสุภรณ์ระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ถือเป็นการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือประชาชนและในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ได้พระราชทานเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาชีวิตประชาชนทั้งประเทศมากมายนานาประการซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สุด นายธนาธรไม่เคยมีจิตสำนึกแม้แต่นิดเดียว อยากถามนายธนาธรว่า หัวใจยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า
โดยจะให้ทีมฝ่ายกฎหมาย พิจารณาในคำพูดของนายธนาธรว่า ส่อเจตนา จาบจ้วงสถาบัน หรือผิดกฎหมายตามมาตรา 112 หรือไม่ และได้มีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จต่อนายกฯและรัฐบาล กล่าวหาแบบใส่ความไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเนื้อหาดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิด จะเข้าแจ้งความ ที่ ปอท.เพื่อดำเนินคดีกับนายธนาธร เพื่อจะได้หยุดจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน และบิดเบือนใส่ร้ายคนอื่น เผื่อที่คนอย่างนายธนาธร จะได้รู้จักสำนึกและเข็ดหลาบเหมือนคนอื่นเขาบ้างสักนิดก็ยังดี
อานนท์ ชี้ เลิกปิดหูปิดตา “วัคซีนพระราชทาน” คนเขารู้ทันหมดแล้ว!
อนุทิน ซัดธนาธร ไร้สำนึกคุณแผ่นดิน หลังไลฟ์สดวิจารณ์วัคซีนพระราชทาน
บิ๊กตู่ ย้ำ ใครก็ห้ามนำเข้า-ฉีดวัคซีนเอง ทั้งหมดรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ