วิโรจน์ อยากรู้!ใช้งบเท่าไหร่ ส่งทหารฝึกที่ฮาวาย จนติดโควิดกลับมา

นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “อยากรู้จริงๆ ส่งทหารไปฝึกที่ฮาวาย จนติดโควิดกลับมา ใช้งบไปเท่าไหร่ ” ทั้งๆ ที่ รัฐบาลได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 63 [1] ไว้อย่างชัดเจนว่า ให้ปรับแผนการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ที่ตั้งไว้สำหรับศึกษา ดูงาน ประชุม สัมมนา อบรม ณ ต่างประเทศ โดยให้นำเอางบประมาณมาใช้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยยังได้เน้นย้ำอีกด้วยว่า ให้ระงับการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงอีกด้วย

เทพไท ชี้รัฐธรรมนูญ ปี 60 มีจุดอ่อน แนะยกเครื่องแก้ไขรธน.ทั้งฉบับ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 ก็ยังได้มีมติ ครม. [2] ให้ปรับลดงบประมาณที่ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา การฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ (รวมถึงการศึกษาดูงานในต่างประเทศที่อยู่ในหลักสูตรการฝึกอบรม) ไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย โดยไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง

แต่กองทัพบกก็ไม่ได้นำพา และไม่ได้ปฏิบัติตามมติ ครม. แต่อย่างใด กลับยังคงดำเนินการฝึกเตรียมความพร้อมของ RTA Combat Team ที่จะไปส่งฝึกที่ค่ายสกอร์ฟิลด์ รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก จะอ้างว่าตนไม่รู้เห็นด้วยคงจะไม่ได้ เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ ได้มีการเดินทางไปตรวจเยี่ยม ณ ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 2 วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา [3]

และยังคงดึงดัน ที่จะส่งกองร้อยทหารราบ RTA Combat Team กำลังผสมจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 เข้าใจว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 151 นาย ออกเดินทางไปยังเมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 63 ทั้งๆ ที่ ณ ขณะนั้น จวบจนกระทั่งปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง [4] ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ นอกจากผู้บัญชาการทหารบกจะรับรู้ด้วยแล้ว ยังมีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาร่วมเห็นชอบด้วยอย่างแน่นอน เพราะในวันที่ออกเดินทางนั้น มีแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ร่วมเดินทางไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย [5] (กรณีนี้ เกี่ยวข้องกับกองทัพภาคที่ 2 อีกแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ กองทัพภาคที่ 2 ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับ กรณีปฏิบัติการ IO 100/300 เพื่อคุมคาม และสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน และกรณีกราดยิงโคราช)

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 63 [6] เรื่องการฝืนส่งทหารไปฮาวาย ก็แดงขึ้นมา เนื่องจาก ประชาชนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับทราบว่า กองร้อยทหารราบ RTA Combat Team จำนวน 151 นาย จะเดินทางกลับมาสู่ประเทศไทยในวันที่ 22 ก.ค. 63 และจะใช้อาคารรับรองสวนสนประดิพัทธ์ เป็นสถานที่กักตัว หรือ State Quarantine ประชาชนจึงได้มีการคัดค้าน เพราะเกรงว่าการท่องเที่ยวที่หัวหิน ที่กำลังจะเพิ่งฟื้นตัว จะได้รับผลกระทบเหมือนกับที่ จ.ระยอง ซึ่งพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เมื่อเกิดความบกพร่องขึ้น รัฐบาลไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่มีการชดเชยเยียวยาให้แก่ประชาชน และผู้ประกอบการผู้ที่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่บาทเดียว

และแล้วปัญหาที่กังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อได้รับการยืนยันในวันที่ 29 ก.ค. 63 ว่า มีทหารจากกองร้อยทหารราบ RTA Combat Team จำนวน 9 นาย [7] ติดเชื้อโควิด-19

เรื่องดังกล่าวนี้ แม้ว่า พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก จะออกมาชี้แจงในเบื้องต้นแล้ว แต่ไม่ได้แสดงถึงความรับผิดชอบแต่อย่างใดเลย เป็นการตอบคำถามในลักษณะผ่านๆ เพื่อให้เรื่องเงียบๆ ไปมากกว่า โดยระบุเพียงว่า “ขณะนี้กองทัพบกกำลังพิจารณาให้ชะลอการฝึกร่วมผสมทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่ายังไม่มีความปลอดภัย … และถือเป็นบทเรียนที่เราต้องรักษาความปลอดภัย”

คำถามที่เกิดขึ้นในใจของประชาชนทันที และยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากกองทัพบก มีอยู่หลายคำถามด้วยกัน คือ
1) ที่ผ่านมากองทัพบกก็เคยทำตัวเป็นกลุ่ม VIP ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 มาทีหนึ่งแล้ว โดย ในครั้งนั้นทั้งๆ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทำหนังสือถึงนายสนามมวยเวทีลุมพินี ให้เลื่อนการจัดการแข่งขันชกมวย แต่พล.ต.ราชิต อรุณวงษ์ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในฐานะนายสนามมวยลุมพินี ก็มิได้นำพา ยังคงจัดการชกมวยศึกลุมพินีแชมเปี้ยนเกริกไกร ในวันที่ 6 มี.ค. 63 จนก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ (Superspreader) จนนำมาซึ่งความเสียหายต่อระบบสาธารณสุข และเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบัน นอกจากการสั่งย้ายแล้ว ยังไม่มีการดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.ราชิต และผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด และในกรณีการส่งทหารไปฝึกที่ฮาวาย ทั้งๆ ที่มีมติ ครม. กำชับมาโดยตลอด ให้ระงับการเดินทางไปราชการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีความเสี่ยงของการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 แต่กองทัพบก ก็ยังจะฝ่าฝืนมติ ครม. ถือตนว่าเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน VIP ที่ไม่ต้องเคารพมติ ครม. ก็ได้อย่างนั้นหรือ

2) ประชาชนจำนวนมากต้องการทราบว่า การส่งกองกำลังทหารราบ RTA Combat Team ไปร่วมฝึกผสมรหัส Lightning Forge 2020 ในครั้งนี้ นั้นใช้งบประมาณไปเท่าไหร่กันแน่ ซึ่งคำถามนี้ยังไม่ได้มีคำชี้แจง จากกองทัพบกเลย และมีการคาดว่า น่าจะเป็นงบส่วนหนึ่ง จากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม และศึกษาต่างประเทศ 165.45 ล้านบาท ที่อยู่ในโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็เท่ากับว่ากองทัพบกไม่ได้สนใจใยดี ถึงปัญหาปากท้อง และปัญหาเศรษฐกิจ ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่ทุกหย่อมหญ้าในขณะนี้เลย แทนที่จะประหยัดงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลเอาไปใช้ช่วยเหลือประชาชน กลับเอางบประมาณไปถลุงพากำลังพลไปติดโรคกลับประเทศ ซึ่งกองทัพบกควรจะต้องชี้แจงให้ชัดว่าใช้งบประมาณไปกี่ล้านบาท ในการพากำลังพลไปติดโรคในครั้งนี้

จากการที่ พล.อ.ณฐพนธ์ ได้ออกมายอมรับว่า การไปฝึกผสมยังต่างประเทศนั้นยังไม่มีความปลอดภัย และถือว่ากรณีนี้เป็นบทเรียน ประชาชนก็สงสัยว่า ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์การระบาดที่รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ยังไม่มีความปลอดภัย และภารกิจในครั้งนี้ก็เป็นเพียงการฝึกผสมเท่านั้น ไม่ใช่การสับเปลี่ยนกำลังพลในการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ กองทัพบกควรมีสามัญสำนึก ที่จะระงับ หรือชะลอการฝึกเอาไว้ก่อน โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุเช่นนี้

ที่สำคัญ ในหลายๆ กรณีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่กรณีสนามมวยลุมพินี ทหารอียิปต์ ครอบครัวทูตซูดาน และทูตเอสโตเนีย แม้ว่าจะในสามกรณีหลัง จะไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกองทัพบก แต่ก็ถือเป็นบทเรียนที่ กองทัพสามารถที่จะเรียนรู้ และตระหนักได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีใครมาพร่ำสอน หรือออกคำสั่ง

เสรีพิศุทธ์ หวัง!พีระพันธุ์ จริงใจแก้มาตราตั้ง ส.ส.ร. อัดรัฐอย่ายึกยัก แก้รัฐธรรมนูญ

แรมโบ้อีสาน สุภรณ์ สวน! ธนาธร แค่หยุดแสดงความเห็นก็ช่วยบ้านเมืองแล้ว

ปัจจุบัน ประชาชนเอือมระอากับการใช้งบประมาณที่สุรุ่ยสุร่าย โดยไม่เห็นหัวของประชาชน ของกองทัพมามากเพียงพอแล้ว ทั้งกรณีเรือดำน้ำ เรือยกพลขึ้นบก ยานเกราะล้อยาง Stryker เครื่องบิน VIP G500 และล่าสุดก็คือ การจัดส่งกำลังพลไปฮาวาย และที่ผ่านมาแทนที่กองทัพจะพิสูจน์ให้ประชาชนได้รับรับรู้ว่า ทหารหาญนั้นมีความรับผิดชอบสูงกว่าพลเรือน แต่จากกรณีสนามมวยลุมพินี และกรณีกราดยิงโคราช กลับทำให้ประชาชนสิ้นหวัง ไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างสมศักดิ์ศรีของกองทัพแต่อย่างใด

น่าจะถึงเวลาที่กองทัพ ควรจะต้องทบทวน มีสำนึก รู้จักเอาความเดือดร้อน และปัญหาปากท้องของประชาชนมาใส่ไว้ในหัวใจของตัวเองเสียบ้าง และปรับปรุงตัวได้แล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับการชี้แจงในเรื่องงบประมาณในการจัดส่งทหารไปฝึกผสมที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเร็ววันนี้ ไม่ใช่คิดจะเนียน และปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเฉยๆ