สรุปให้ดรามา ทราย สก๊อต เจ้าของฉายามนุษย์เงือก ก่อนประกาศยุติบทบาทที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ
กลายเป็นประเด็นดรามาในโลกออนไลน์ หลังกรณี “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ สก๊อต เจ้าของฉายามนุษย์เงือก หลังปรากฏคลิปตักเตือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติบนเรือท่องเที่ยวบริเวณทะเลภาคใต้ จากนั้นเขาได้ตัดสินใจนำเรือกลับฝั่ง เพื่ออธิบายถึงความไม่เหมาะสมของพฤติกรรม
กระทั่ง ทราย สก๊อต ได้โพสต์ข้อความประกาศยุติบทบาทในฐานะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

สรุปเรื่องราว ทราย สก๊อต เจ้าของฉายามนุษย์เงือก
- ทราย สก๊อต โพสต์เฟซบุ๊ก “ผมเลือกที่เสียสละงานที่ผมรัก กับตำแหน่งของผม เพื่อโอกาสที่จะสะท้อนเรื่องจริงของปัญหาทะเลทางภาคใต้ เหนือกว่าตำแหน่งผม คือความรักที่ผมมีต่อทะเล ขอบคุณสำหรับทุกประสบการณ์ และผมเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เสมอ…ผมเดินต่อครับ”
- ทราย สก๊อต โพสต์คลิปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 ฐานะเจ้าหน้าที่ จัดการเตือนนักท่องเที่ยวเหยียดเชื้อชาติ
- ในคลิปก็คือว่าทรายได้ไปเจอนักท่องเที่ยวในเรือที่เรือเขาเสีย แต่ก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปถึงเรือ ผมเห็นว่าตัวผู้ชายเขาหันไปมองแฟนเขาแล้วก็พูด “หนีห่าว” แล้วก็หัวเราะ ทรายเลยใช้จังหวะที่เรือเขาเสียไปตักเตือนให้เขามีมารยาทต่อผมแล้วเจ้าหน้าที่มากกว่านี้ ซึ่งตอนตักเตือนเห็นว่าเขาไม่สำนึกผิดแล้วก็ไม่ค่อยนึกถึงผลของสิ่งที่เขาพูดหรือทำ ทรายเลยให้เรือของเขากลับไปที่ฝั่งเพื่อเราได้คุยกันแล้วทำให้เขาเข้าใจว่าการมาเที่ยวประเทศไทยหรือประเทศในทวีปเอเชียเขาไม่สามารถทำตัวเหยียดผิวคนเอเชียได้แบบนี้
- นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชี้แจ้งกับ “Thai PBS” ว่า “ทราย สก๊อต” ยังไม่ได้ถูกปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษา แต่เนื่องจากช่วงหลังที่มีการเผยแพร่คอนเทนต์ ที่อาจจะเกินเลยและอาจจะกระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวทางทะเล แม้จะยังไม่เสียหาย แต่ต้องปรับปรุงการทำงานร่วมกันใหม่
- ก่อนหน้านี้ ทราย สก๊อต มักเผยแพร่คลิปวิดีโอ ผ่านอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และ TikTok อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การตักเตือนนักท่องเที่ยว รวมไปถึงไกด์ และผู้ประกอบการเรือนักท่องเที่ยว ให้ปฏิบัติตามกฎของอุทยานฯ
- ทราย เคยโดนบริษัททัวร์ฯทำหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ตั้งกรรมการสอบ “ทราย สก๊อต” ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ กรณีการโพสต์คลิปวิดีโอภาพรวมนักท่องเที่ยวทำผิดกฎอุทยาน ซึ่งบริษัททัวร์ฯ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากมีผู้เข้าไปรับชมจำนวนมาก จนทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว

