ชัยธวัช เลขาฯพรรค ก้าวไกล เผยมติ ไม่ขอร่วมรัฐบาล กับ พปชร.-รทสช. ลั่น! เพื่อไทยต้องเลือก ปม ม.112 ต้องดูทาง สว. ว่าจะให้ถอยอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร
วันที่ 24 ก.ค. 66 ณ ที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล ได้จัดหารือทางออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และการกำหนดทิศทางการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล
ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากหลายพรรคที่ประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า คงต้องรอคุยกับพรรคเพื่อไทยก่อนในวันพรุ่งนี้ ( 25 ก.ค.) ซึ่งที่คุยกับพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ ทางพรรคก้าวไกลนั้น อยากทราบรายละเอียดรูปธรรม เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จึงขอรอฟังก่อน
ส่วนที่ บางพรรคมีธงว่า ไม่ขอร่วมงานกับพรรคก้าวไกลนั้น เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย คงต้องเลือก แต่ตัวเองเชื่อว่า ยังมีความเป็นไปได้ว่าในที่สุดจะได้เสียงจากสว. เพราะได้มีการพูดถึงสว. แม้จะไม่มีเสียงส่วนใหญ่ แต่มี 56 คน ซึ่งหากได้เสียงสว. มากพอสมควรก็น่าจะได้ หรืออาจจะใช้เสียงสส.เพิ่มไม่ต้องมาก
เมื่อถามย้ำว่า สส.เองมีเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 จะทำอย่างไร นายชัยธวัช บอกว่า หากยังมีเป้าหมายจัดตั้งรัฐบาลรวม 8 พรรคให้ได้ ตัวเองคิดว่า ยังมีทางออกเสมอ
หากจะต้องถอยมาตรา 112 จะมีการทำความเข้าใจกับผู้ที่โหวตให้พรรคก้าวไกลอย่างไรนายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องดูจากทางสว.ว่าจะให้ถอยอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร ซึ่งที่คุยใน 8 พรรคร่วมได้ขอให้พรรคเพื่อไทยทำการบ้าน และทำข้อเสนอให้เป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถคุยกันได้ ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ส่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคเพื่อไทน ไปคุยกับสว. แต่ตัวเองก็ได้คุยกับสว.เช่นกัน กับคนที่ไม่ได้โหวตในรอบที่แล้ว ก็ยังคุยกันอยู่

ข้อสรุป!
ได้ข้อสรุปว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1. เป็นที่แน่ชัดว่าพรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้ง
2. เป็นหัวหอกหลักในการยึดอำนาจทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซ้ำยังมีกระบวนการสืบทอดอำนาจตนเองผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยกลไกและองค์กรสถาบันทางการเมืองต่างๆ จนถึงปัจจุบัน พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนต่อประเด็นการสืบทอดอำนาจ และประกาศตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ว่าจะไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ และได้ประกาศย้ำต่อประชาชนในทุกรายการ ทุกเวทีหาเสียงเลือกตั้ง
3. ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 เมื่อรวมกันได้ 8 พรรคการเมือง ที่มีแนวทางยุติการสืบทอดอำนาจ ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรถึง 312 จาก 500 ที่นั่ง และมีคะแนนดิบสูงถึง 27 ล้านเสียง ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ว่าประชาชนต้องการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างรัฐบาล ดังนั้นเป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จ เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม
4. แม้กลไก ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะสกัดขัดขวาง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เรายืนยันว่าสิ่งสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี หรือก้าวไกลเป็นรัฐบาล แต่คือการจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วย 8 พรรคตามมติประชาชน พรรคก้าวไกลจึงเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนตามที่ปรากฏเป็นข่าว
5. แม้การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด จะมีความสำคัญต่อการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนซึ่งสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง จะนำไปสู่วิกฤติศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตย จนอาจยากต่อการเรียกกลับคืน
6. พรรคก้าวไกลจึงขอยืนยันสัจจะที่ให้ต่อประชาชน เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมไทยสร้างชาติ และจะพยายามอย่างถึงที่สุดในการผนึก 8 พรรคการเมืองที่สะท้อนเสียงของประชาชนกว่า 27 ล้านเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน พาประเทศไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย อันมีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY