โจรใต้ไม่ต่ำกว่า 20 คน อุกอาจบุก ปล้นทองห้างดัง นราธิวาสกวาดทองคำหนัก 400-500 บาท ก่อนยิงทหารรบพิเศษบาดเจ็บ
6 ต.ค. 68 เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายเป็นชายแต่งตัวมิดชิด และปิดบังใบหน้าพร้อมอาวุธครบมือ จำนวน 8 คนเข้าปล้นร้านทองแห่งหนึ่งในห้างดังอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนใช้ปืนจี้รปภ.ของห้างเพื่อควบคุมตัว
โดยในคลิปพบว่า กลุ่มคนร้ายเดินเข้ามาในห้างและได้ส่งสัญลักษณ์ให้ชาวบ้านอยู่ในความสงบ และไม่มีการใช้อาวุธปืนยิง และไม่มีทำร้ายใคร
จากนั้นคนร้ายได้จับชาวบ้านเป็นชาย 1 คน อายุ 30 ปี เอาไว้เป็นตัวประกัน แล้วปล่อยตัวหลังทำการปล้น
ขณะที่คนร้ายคนอื่นๆได้เข้าไปในร้านทองและกวาดทองคำไปกว่า 500 บาทก่อนจะขึ้นรถกระบะหลบหนีอย่างรวดเร็ว พร้อมโรยตะปูเรือใบจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ต่อมามีรายงานข่าวว่า ระหว่างเกิดเหตุคนร้ายได้มีการใช้อาวุธปืนยิงทหารที่กำลังซื้อของภายในห้าง บาดเจ็บ 1 นาย ก่อนที่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จะช่วยกันนำตัว ส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ทราบชื่อคือ ส.อ.บุริศวร์ ตำแหน่ง นายสิบอาวุธเบา ชุดปฏิบัติการ รพศ.408 (รบพิเศษ)

กองทัพบก ชี้แจงเหตุการณ์ 8 คนร้าย ปล้นร้านทองห้างดังนราธิวาส
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าได้รับรายงานจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ว่าในวันนี้ (5 ต.ค.68) เวลา 18.29 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ที่อยู่ระหว่างซื้อของภายในห้าง จนได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อคือ สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย ซึ่งปัจจุบันได้นำส่งโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาจากทีมแพทย์จนมีอาการปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปัจจุบันกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกส่วน เร่งติดตามเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุเพื่อนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากพบว่าผู้ก่อเหตุได้มีการกระทำในลักษณะการวางแผนมาล่วงหน้า ทั้งการโจรกรรมรถยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ ได้แก่ รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม๊กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 6521 นราธิวาส และรถยนต์กระบะ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บท 7187 ปัตตานี รวมทั้งการตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมในเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทั้งระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณยูเทิร์นหน้าห้างบิ๊กซี พร้อมกับการวางตะปูเรือใบ บนถนนบ้านโต๊ะลือเบ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งคาดว่าเพื่อเป็นการสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ซึ่งหากพบเบาะแสของกลุ่มผู้เหตุสามารถแจ้งผ่านทางสายด่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้ในทันที
