ผบช.สอท. แถลงรับหนุ่มเกาหลีใต้รับงานจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน ขับรถส่ง SMS ปลอม ทั่วกทม. สารภารรายได้ดีและทำมาหลายครั้ง
21 ส.ค. 68 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พร้อมด้วย นายวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการองค์กรสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลจับกุมชาวเกาหลีใต้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ก่อเหตุขับรถตระเวนส่ง SMS ปลอม ด้วยเครื่องจำลองสถานีฐาน False Base Station (FBS) กลางกรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ และทีมวิศวกรจากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (AIS) ได้ร่วมกันสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายที่ตระเวนส่ง SMS แนบลิงก์ปลอม กระทั่งพบว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านแยกเอกมัย เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มุ่งหน้าถนนอโศก-ดินแดง แยกประชาสงเคราะห์ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งตรวจพบสัญญาณคลื่นความถี่ผิดปกติเคลื่อนที่ไปพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว จึงสะกดรอยตาม ก่อนแสดงตัวเข้าสกัดจับ บริเวณริมถนนอโศก-ดินแดง

หนุ่มเกาหลีใต้ ยอมรับสารภาพคนจีนจ้างมาส่ง sms ปลอม
จากการตรวจค้นพบผู้ขับขี่ คือ Mr.Dohyong Kim อายุ 35 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ภายในรถมีอุปกรณ์เป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (FBS) กำลังทำงานอยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ เพื่อส่งเข้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในรัศมี และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณ จำนวน 1 กล่อง และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ Mr.Dohyong Kim พบข้อความการสนทนาระหว่างผู้ต้องหากับผู้ว่าจ้างชาวจีนผ่านแอปพลิเคชัน เบื้องต้นเจ้าตัวยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ตระเวนขับรถส่ง SMS ในพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านตามเส้นทางที่กำหนดให้ และต้องรายงานผู้ว่าจ้างทุก 30 นาที โดยตนเคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 17-19 ส.ค.68 ได้ค่าจ้างวันละ 100,000 วอน หรือ 2,339 บาท แต่ครั้งแรกที่ทำได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ จำนวน 550 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 17,869 บาท
เบื้องต้นตำรวจนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะมีการสืบสวนว่า ผู้ว่าจ้างชาวจีนรายดังกล่าวเป็นรายเดียวกันกับกรณีที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้หรือไม่ และขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ถือว่ามีการกระทำที่เป็นขบวนการ ซึ่งจะมีความผิดฐานอั้งยี้ซ่องโจร และยังอาจเข้าข่ายความผิดอีกหลายข้อหา โดยหากตรวจสอบพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อ ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หากพบว่ามีการร่วมกันกับคนร้ายที่อยู่ในต่างประเทศ ก็จะมีความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้ เครื่อง FBS ไม่มีจำหน่ายในไทย ดังนั้น หากผู้ใดนำเข้า หรือครอบครอง ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ด้วย
ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตำรวจไซเบอร์สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ตระเวนส่ง SMS ปลอมได้แล้ว 3 ราย สาเหตุหนึ่งเกิดจากช่วงนี้คนไทยข้ามไปกัมพูชาลำบากมากขึ้น แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงหาคนไทยไปทำงานในขบวนการคอลเซ็นเตอร์และพาบัญชีม้าข้ามไปแสกนหน้าได้ยาก ทำให้ต้องกลับมาใช้วิธีจ้างคนตระเวนส่งลิงก์ดูดเงินเหมือนเดิม จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง พร้อมย้ำว่า ธนาคารหรือศูนย์การค้าจะไม่มีการส่งลิงก์ใดๆ เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล หากพบข้อความต้องสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 หรือสายด่วน 191
