พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกและหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดแถลงข่าว กรณีที่ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2560 พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค4/ ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค4 ออกประกาศ “ห้ามผู้ใดนำถังแก๊สเหล็ก ขนาด 15 กก.หรือเล็กกว่า เข้ามาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งปรับทั้งจำ” ตั้งแต่ 13 มกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยมีการทำป้ายประกาศ และ แผ่นไวนิล ติดตามสถานที่ต่างๆ แล้ว
ก่อนหน้านี้ 3 ปีที่ผ่านมา กองทัพภาค4 /กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ประสาน ผู้ผลิตแก๊ส ให้ใช้ถังแก๊ส คอมโพสิท แล้ว จนมีการใช้ถังแก็ส คอมโพสิท จำนวนหนึ่ง จึงออกคำสั่ง ห้ามนำเข้ามาใช้เพื่อป้องกันการนำไปทำระเบิด หากพบ ผู้ใดครอบครอง ถังแก็สเหล็ก จะถือว่ามีความผิด นั้น ว่า ประชาชนโดยส่วนใหญ่ มีความกังวล วิตกว่าหากมีการครอบครองถังแก๊สเหล็กจะมีความผิดด้วย ซึ่งในข้อเท็จจริงประกาศดังกล่าว จะมีผลกับผู้ที่ฝ่าฝืน นำเข้าถังแก๊ส ชนิดถังเหล็กเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อการจำหน่ายหลังออกประกาศฉบับนี้เท่านั้น ส่วนประชาชนหรือร้านค้าที่จำหน่าย ที่มีการครอบครองมาก่อนหน้าที่ประกาศฉบับนี้ออกมาถือว่าไม่ผิด
จึงขอให้ประชาชนที่มีการใช้ถังแก๊สชนิดถังเหล็กไม่ต้องกังวลว่าจะมีความผิดตามประกาศดังกล่าว แต่ให้ผู้ที่มีถังเหล็กไปเปลี่ยนเป็นถังคอมโพสิทที่ร้านจำหน่ายโดยทั่วไปได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านจำหน่ายถังแก๊สในตัวเมืองยะลา ยังมีการจำหน่ายถังแก๊ส ในยี่ห้ออื่น ที่ไม่ใช่ ปตท.เป็นชนิดถังเหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก จากการสอบถามเจ้าของร้านค้าทราบว่า ยี่ห้ออื่น ยังไม่ผลิตถังชนิดคอมโพสิท เหมือนปตท.ออกมาจำหน่ายแต่อย่างใด ทำให้ประชาชน ยังคงใช้ถังชนิดเหล็กอยู่โดยอ้างว่า มีการบรรจุเนื้อแก๊สได้ปริมาณที่มากกว่าและแรงดันของเนื้อแก๊สต่อเมื่อการใช้งาน จะดีกว่า ถังคอมโพสิทธฺ์ที่เกิดการตกค้างเนื้อแก๊สประมาณ 1 กก.ต่อถัง อันมาจากแรงดันไม่แรงพอส่งผลให้ร้านอาหารต่างๆ ที่นำมาใช้ประกอบอาหาร จะไม่พอใจต่อความแรงของเปลวไฟของถังชนิดคอมโพสิทเป็นอย่างมากและยังขาดทุนเนื้อแก๊สตกค้างอีกด้วย