ตัวแทนผู้เสียหาย คู่แต่งงานกว่า 70 คู่ นำเอกสารการโอนเงินและสัญญาจ้างงาน เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ หลังถูกห้างหุ้นส่วนจำกัด เลิฟลี่โฮม สตูดิโอเวดดิ้ง ย่านพัฒนาการ เสนอขายแพ็คเกจพรีเวดดิ้งตามสถานต่างๆ แต่เมื่อได้เงินแล้วกลับปิดหน้าร้านหนี และติดต่อไม่ได้ รวมมูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านบาท

พ.ต.อ.ธงชัย วิไลพรหม ผู้กำกับการ สน.ประเวศ เปิดเผยกับทีมข่าว ไบรท์ นิวส์ ว่า ในขณะนี้ มีผู้เสียหายเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว ประมาณ 20 ราย ส่วนที่เหลือ อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงานเพื่อมาให้ข้อมูล โดยตำรวจได้จัดเตรียมพนักงานสอบสวนไว้สอบปากคำผู้เสียหาย และเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ก็จะเรียกประชุมเพื่อสรุปข้อมูลรายละเอียดในคดีนี้ ทั้งหมดว่า พฤติกรรมตามที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เข้าข่ายมูลความผิดข้อใดบ้าง จากนั้นก็จะดำเนินการกับเจ้าของร้าน หรือ ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่อไป
เบื้องต้นจากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า หจก.เลิฟลี่โฮม เวดดิ้ง สตูดิโอ จดทะเบียนการค้า เมื่อวันที่ 21 พย.2544 โดยมีนายณัฎฐพล พึ่งนิล เป็นหุ้นส่วนใหญ่ และ มีนายพรชัย ปานส่วน มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 1ซอยพัฒนาการ 56 เขตสวนหลวง
ส่วนหน้าร้านตามข้อมูลของตำรวจ มีชื่อของนางสาวประไพ แสนวันนา เป็นผู้ดูแลภายในร้าน และติดต่อประสานงานกับลูกค้า และซัพพลายเออร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้เสียหายยืนยันว่า เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการฉ้อโกง และหลอกลวงผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตาม หลังปรากฎเป็นข่าวขึ้น ในกลุ่มไลน์ของผู้เสียหาย ได้เผยแพร่คลิปภาพและเสียง ที่บุคคลในคลิปอ้างว่า เป็นนางไพ หรือ นางสาวประไพ ซึ่งเนื้อหาภายในคลิป บางช่วง บางตอน ระบุว่า จะพยายามคืนเงินมัดจำค่าชุด และเงินคงค้างให้กับผู้เสียหายทุกรายภายใน 15 วัน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลทีมข่าวพบว่า คลิปดังกล่าวนี้เป็นคลิปเก่าที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่มาแจ้งความครั้งล่าสุด
จากคลิปที่เผยแพร่ ทีมข่าวไบรท์ นิวส์ ได้ติดต่อไปยังคุณ เชียร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหายโดยคุณเชียร์ ยืนยันว่า คลิปที่ถูกแพร่ออกมา คือคุณไพ อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นผู้จัดการ มีหน้าที่ในการดูแลร้านเลิฟลี่โฮม เวดดิ้ง สตูดิโอ ก่อนหน้านี้กลุ่มซัพพลายเออร์ และลูกค้า ที่เป็นผู้เสียหาย ได้ไปทวงถามเงินค้างจ่าย แต่ทางร้านได้บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด
จากนั้นมีการอัดคลิปชี้แจง และส่งต่อให้กับลูกค้า ตามคลิปที่ปรากฎ ว่าจะทยอยคืนเงินให้กับผู้เสียหายทุกรายภายใน 15 วัน แต่ก็ยังไม่มีใครได้เงินแม้แต่บาทเดียว จนกระทั่งวันที่ 16 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ทางร้านก็ได้จ้างรถบรรทุกมาขนชุดแต่งงาน อุปกรณ์ข้าวของต่างๆ ออกไปจากร้านทั้งหมด หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครติดต่อทางร้านได้อีกเลย
โดยปัญหานี้คุณเชียร์ บอกว่า มีผู้เสียหายแยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นลูกค้าที่จองแพ็คเกจงานแต่งงาน ตั้งแต่หลัก หมื่นบาท ไปจนถึงหลักแสนบาท รวมไปถึงค่ามัดจำชุด ส่วนกลุ่มที่สองเป็นซัพพลายเออร์ ที่รับงานฟรีแลนซ์จากร้าน ทั้งช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน