กลุ่มประมงอ่าวเพ จ.ระยอง ได้รับผลกระทบจากสภาพน้ำทะเลร้อนหาปูไม่ได้ ส่งผลให้ปูม้ามีราคาแพงและขาดตลาด วอนทุกภาคส่วนต่อยอดการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ในพื้นที่อ่าวเพอย่างต่อเนื่อง จริงจัง และยั่งยืน
10 ก.พ.60 ทุก ๆ วันกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านหาดสวนสน จ.ระยอง ต้องใช้เวลาในช่วงสาย ๆ ช่วยกันปลดปูออกจากอวน แต่ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่มีปูน้อยมาก อวนจึงมีแต่ความว่างเปล่า ทำให้ปูในตลาดมีน้อย และราคาแพง โดยสถานการณ์เช่นนี้ จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนสาม ของทุกปี ซึ่งชาวประมงเรียกกันว่าเป็นเดือนอดอยาก เพราะในทะเลจะมีสัตว์น้ำให้จับน้อยมากเนื่องจากน้ำทะเลร้อน เมื่อพ้นช่วงนี้ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปริมาณปูม้าในทะเล ณ วันนี้ ชาวประมงยังยอมรับว่าดีกว่าในอดีต เพราะกลุ่มประมงอ่าวเพร่วมมือกับทุกภาคส่วนฟื้นฟูระบบนิเวศน์ในทะเล เช่น การวางซั้งเชือก ปล่อยปะการังเทียม ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ทำโครงการวิจัยเรื่อง “การจัดการทรัพยากรปูม้าอย่างยั่งยืนบนฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น” ซึ่งมีที่มาของการทำงานวิจัยชิ้นนี้จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วที่บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ในช่วงเดือน ก.ค.56 สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งโครงการนี้นับว่าได้ผลเป็นอย่างมากจึงต้องการให้สานต่อโครงการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการวิจัยดังกล่าว มีกลุ่มประมงร่วมโครงการ 3 กลุ่ม โดย “กลุ่มประมงเรือเล็กคอกแหลมเทียน” อาศัยความรู้เดิมด้วยการทำกระชังลอยผูกติดกับเสาไม้เพื่อให้ปูสลัดไข่ในกระชังในพื้นที่ที่กลุ่มฯ อาศัยจอดเรืออยู่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอ่าวไทยฝั่งตะวันออกของกรมประมง “กลุ่มประมงศาลาเขียว” ทำในรูปแบบการสลัดไข่ปูบนฝั่งในพื้นที่ตั้งกลุ่มฯ ด้วยการก่อคอนกรีตและเครื่องออกซิเจนสำหรับให้แม่ปูสลัดไข่บนฝั่ง และการอนุบาลปูไข่นอกกระดอง ส่วน “กลุ่มประมงสวนสน” ทำในรูปแบบการทำกระชังลอยในทะเลแตกต่างจาก “กลุ่มประมงคอกแหลมเทียน” เพราะเขาจะใช้ทุนลอยอยู่รอบ ๆ ในกระชัง และมีการเอาไม้ปักเขตกำหนดเป็นเขตพื้นที่ปูไข่แดง เพื่อให้แม่ปูสลัดไข่ตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ ผลการวิจัยประสบความสำเร็จ พบว่าทำให้เกิดปูม้าเพิ่มขึ้นในพื้นที่อ่าวเพ ทำให้เกิดรูปแบบการอนุรักษ์ปูม้า 3 รูปแบบ คือ การสลัดไข่ปูในกระชังบริเวณชายฝั่ง การสลัดไข่ปูบนชายฝั่ง และการสลัดไข่ปูตามธรรมชาติในกระชังลอยในทะเล