ครอบครัวและบรรดาเพื่อนตำรวจของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ “จ่าเพียร” วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด ร่วมทำบุญครบรอบ 7 ปีของการเสียชีวิตที่บ้านพักใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
12 มี.ค.60 ครอบครัวของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือจ่าเพียร อดีตผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด ที่เสียชีวิตจากถูกกลุ่มก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2553 ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่บ้านทับช้าง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้ทำบุญครบรอบ 7 ปี ของการเสียชีวิตที่บ้านพักเลขที่ 31 ถนนกาญจนวนิช ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่ “จ่าเพียร” โดยมี นางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาพร้อมลูกชายทั้ง 3 คน และเพื่อนข้าราชตำรวจนำโดย พล.ต.ท.นพดล เผือกโสมณ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมพิธีเพื่อรำลึกถึง พ.ต.อ.สมเพียร ที่ได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ โดยปัจจุบันได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา
สำหรับบรรยากาศภายในบ้านพักของของ พ.ต.อ.สมเพียร ทางครอบครัวยังคงนำรูปปั้นครึ่งตัวของ “จ่าเพียร” พร้อมรูปถ่ายขนาดใหญ่มาประดับไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน เพื่อระลึกถึง พ.ต.อ.สมเพียร เป็นต้นแบบของการทำงานในอาชีพตำรวจที่ต้องเสียสละให้ตำรวจรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบอย่าง
สำหรับประวัติการทำงานของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา หรือ “จ่าเพียร” ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา เข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2513 และเป็น ผบ.หมู่ ผ.สภ.บันนังสตา มาโดยตลอด ขณะปฏิบัติราชการนั้น พ.ต.อ.สมเพียร ผ่านสมรภูมิรบกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนับร้อยครั้ง วิสามัญคนร้ายกว่าร้อยศพจนเป็นที่น่าเกรงกลัวของกลุ่มคนร้าย และทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร มีชื่อเสียงในแวดวงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ต่อมาในปี พ.ศ.2519 พ.ต.อ.สมเพียร ซึ่งยศในขณะนั้นคือ จ.ส.ต.สมเพียร ถูกกับระเบิดที่ขาซ้ายจนเกือบขาด ขณะต่อสู้กับกลุ่มโจรก่อการร้ายแต่เอาชีวิตรอดมาได้ จึงเป็นที่มาของฉายา “จ่าเพียร ขาเหล็ก”
หลังจากนั้นปี พ.ศ.2526 พ.ต.อ.สมเพียร ถูกคนร้ายยิงในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จนได้รับบาดเจ็บกระสุนฝังใน ด้วยความฉกาจฉกรรจ์และเป็นตำรวจฝีมือเยี่ยม ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์รามาธิบดี และเหรียญมาลาเข็มกล้ากลางสมร จนกระทั่งกรมตำรวจ (ในสมัยนั้น) อนุมัติให้ พ.ต.อ.สมเพียร เข้าอบรมหลักสูตรนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรโดยไม่ต้องสอบคัดเลือก และได้เลื่อนขั้นเป็น ร.ต.ต. ก่อนจะย้ายให้ไปประจำการอยู่ที่ จ.สงขลา
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2550 พ.ต.อ.สมเพียร ถูกเรียกตัวกลับมาเป็น ผกก.สภ.บันนังสตา เพื่อปราบปรามกลุ่มโจรใต้ที่ก่อเหตุรายวัน ซึ่ง พ.ต.อ.สมเพียร ก็ใช้ประสบการณ์ที่มีพร้อมกับพรสวรรค์บวกพรแสวงปราบคนร้าย และวิสามัญได้ถึง 19 ราย และยึดอาวุธสงครามได้มากโข ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สมเพียร ก็ถูกกลุ่มคนร้ายลอบโจมตีมาโดยตลอดเช่นกัน กระทั่งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 คนร้ายได้วางแผนลอบวางระเบิดหลายจุด เพื่อล่อให้ พ.ต.อ.สมเพียร นำกำลังเดินทางเข้าไปที่เกิดเหตุ ก่อนที่คนร้ายจะลอบวางระเบิดรถกระบะที่นั่งอยู่ แต่เดชะบุญ ครั้งนั้น พ.ต.อ.สมเพียร ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
จากเหตุการณ์นั้นเอง ทางครอบครัวของ พ.ต.อ.สมเพียร เกิดความหวั่นวิตกกังวลถึงความปลอดภัยต่อชีวิต จึงได้ถือเคล็ดเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น “ภูวพงษ์พิทักษ์” เพื่อความแคล้วคลาดจากภัยและอันตราย และเพื่อความเป็นสิริมงคลแต่ พ.ต.อ.สมเพียร ขอกลับมาใช้นามสกุลเดิม
ต่อมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 พ.ต.อ.สมเพียร จึงตัดสินใจเดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อร้องเรียนกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ในสมัยนั้น) โดยขอความเป็นธรรมจากใบคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งเพื่อขอย้ายเป็น ผกก.สภ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ว่างอยู่ในปีสุดท้ายก่อนจะเกษียณอายุราชการ แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา
ในที่สุดวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2553 ตำนาน “จ่าเพียร” มือปราบแห่งเทือกเขาบูโด ก็ต้องรูดม่านลงอย่างน่าเศร้าเมื่อถูกคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม จำนวน 5-8 คน ลอบวางระเบิดรถกระบะ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา พร้อมลูกน้อง 3 นาย และ อส.คนสนิท อีก 1 นาย ส่งผลให้ พ.ต.อ.สมเพียร ขาหักทั้งสองข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลาในที่สุด สิริอายุ 59 ปี ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและประชาชนชาว อ.บันนังสตา
