กลุ่ม Watchdog Thailand (WDT) และประชาชนชาวซอย 10 โพธิ์ปั้นนัดหมายพร้อมกันที่กรมปศุสัตว์เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมปศุสัตว์ เรื่อง ขอความยุติธรรมให้พิจารณาการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการใช้กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมและผิดสวัสดิภาพสัตว์ ให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมาย
จากกรณีที่มีประชาชนร้องทุกข์แจ้งความได้รับความเดือดร้อนจากบ้านพักของ น.ส.แสงระวี กันใจรุ่งโรจน์ อายุ 69 ปี ซึ่งหลายคนเรียกว่า ‘ป้าหัวร้อน’ ที่อ้างตนเป็นร่างทรงต้องเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นการโปรดสัตว์ แต่กลับมีการกักขังสุนัขกว่า 30 ตัว ไว้ในพื้นที่จำกัดทำให้ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภายในซอยอโศก-ดินแดง 21 หรือซอยโพธิ์ปั้น แยก 10 แขวงและเขตห้วยขวาง แต่จากการเข้าตรวจค้นของเจเาหน้าที่ กับใช้ดุลยพินิจว่า การกระทำดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์
โดยกลุ่ม Watchdog Thailand และชาวบ้านเห็นว่าการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ที่ไม่มีการพิจารณาเหตุการณ์และเรื่องราวตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ที่ได้มีการแจ้งความไว้ เพียงเพราะคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่กรม ปศส. ที่ไม่กล้าพิจารณาความผิด ด้วยการอ้างว่า เกรงจะถูกฟ้องกลับว่า เหตุใดจึงไม่ไปจับบ้านอื่นบ้าง ! ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างไม่เป็นเหตุเป็นผล และถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หมายความว่า รู้ทั้งรู้ว่าผิด และเข้าข่าย แต่ไม่กล้าปฎิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย เพียงเพราะกลัวความรับผิดชอบและไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีประกาศกาศกระทรวง ฯ ออกมาแล้ว เรื่องการกระทำผิดสวัสดิภาพสัตว์ จนทำให้ตำรวจไม่สามารถอายัดสัตว์และประชาชนไม่สามารช่วยเหลือสัตว์ จากข้อสงสัยว่าป้าแสงระวีมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ และไม่น่าจะมีศักยภาพในการดูแลสัตว์อีกต่อไป ประชาชนจึงรวมตัวกันขอความเป็นธรรมให้พิจารณาความผิดของพนักงานเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และขอให้เกิดการพิจารณาใหม่ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อประชาชนและสังคม
จากหลักฐานมีการระบุว่า มีสัตว์เลี้ยงบางส่วนที่เลี้ยงขังกรงตลอดเวลา ไม่ปล่อยเลย (มีพยาน) จนเป็นเหตุให้สัตว์เจ็บป่วยและมีใบวินิจฉัยสัตวแพทย์มาแล้วว่ามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง การทารุณกรรมสัตว์ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ล้วนมีความผิดและต้องคำนึงถึงสังคม และควรจะต้องได้รับการพิจารณาตามกฏหมายทั้งเรื่องของการทารุณกรรมและการผิดสวัสดิภาพสัตว์