ปิดถนนทางเข้าออกชาวบ้าน เด็กนักเรียนและชาวสวนยางพาราเดือดร้อนหนัก ยันใช้มากว่า 30 ปี ด้านปลัดอำเภอสังขะ รุดลงพื้นที่หาทางออก แต่ไม่พบบุคคลตัวปัญหา เตรียมตรวจสอบภาพทางอากาศและโฉนดที่ดิน กับที่ดินอำเภอ เพื่อหาความชัดเจนอีกครั้ง
วันนี้(30 พ.ค.60) เวลา 09.00 น. นายวิโรจน์ อักษรดี นายอำเภอสังขะ จ.สุรินทร์ ได้มอบหมายให้นายสุชาติ สุภาพันธ์ ปลัดอำเภอสังขะ และนายพิภพ โสมทอง ผู้ช่วยปลัดอำเภอสังขะ ในฐานะตัวแทนจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสังขะ เดินทางลงพื้นที่ไปยังถนนซึ่งเป็นเส้นทางเดินเข้าออกของชาวบ้าน และชาวสวนยางพารา ตั้งอยู่ใกล้ป้ายชื่อหมู่บ้านไพรพยัคฆ์ ม.11 ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ปากซอยอยู่ระหว่างบ้านของนางจูเนียร โสภา อายุ 39 ปี เลขที่ 15 บ.ไพรพยัคฆ์ ม.11 ต.เทพรักษา กับร้านบุญชัยเสาปูน 2 บ.ศาลา ม.7 ต.เทพรักษา ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ บ.ไพรพยัคฆ์ กับ บ.ศาลา เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทย์กรณีที่ นายสุรี จรจอม อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 94 ม.7 บ.ศาลา ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ขุดร่องน้ำและปลูกต้นกล้วยปิดเส้นทางหลักเข้าออกที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน และชาวสวนยางพาราที่เดือดร้อน ประกอบด้วยชาวบ้านไพรพยัคฆ์ ม.11 และชาวบ้านศาลา ม.7 ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ระยะทางประมาณ 100 เมตร นานร่วม 2 สัปดาห์โดยไม่ทราบสาเหตุ
ก่อนที่ชาวบ้านและชาวสวนยางพาราจะรวมตัวลงชื่อจำนวนผู้เดือดร้อน 17 ราย ไม่รวมสมาชิกในครอบครัวทั้งคนแก่และเด็กๆ ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังศูนย์ดำรงธรรม อบต.เทพรักษา และศูนย์ดำรงธรรม อ.สังขะ ทำให้นายอำเภอสังขะ ต้องสั่งการให้ปลัดอำเภอเป็นตัวแทนลงพื้นที่มาแก้ไขข้อพิพาทย์ดังกล่าว ท่ามกลางชาวบ้าน ชาวสวนยางพาราที่เดือดร้อนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดม ที่คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
ซึ่งทางอำเภอสังขะ ได้มอบหมายให้ นายเทวรินทร์ ปุ่มแม่น ผู้ใหญ่บ้านไพรพยัคฆ์ และ นายจีระศักดิ์ ภูผา ผู้ใหญ่บ้านศาลา ทำการนัดหมายชาวบ้านและชาวสวนยางที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากการปิดเส้นทาง รวมทั้งตัว นายสุรี จรจอม ผู้ที่ทำการปิดเส้นทางดังกล่าว มาเพื่อแก้ปัญหาและหาทางออกร่วมกันในวันนี้แต่กลับไม่พบตัว นายสุรี เดินทางมาตามที่นัดหมายแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบพบว่า มีการขุดร่องน้ำลึกประมาณ 40 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตร ยาวกว่า 100 เมตร จนติดรั้วเขตบ้านและสวนยางพาราของชาวบ้าน ก่อนจะขุดอ้อมตัดปากทางเข้าของถนนดินเส้นทางดังกล่าว ขณะที่ตรงกลางซึ่งเป็นเส้นทางเดิม กลับพบว่ามีการนำต้นกล้วยมาปลูกเป็นแถวยาวนับสิบต้นอีกด้วย ส่วนร้านบุญชัยเสาปูน 2 ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนเส้นดังกล่าว เป็นร้านที่เช่าพื้นที่จาก นายสุรี เพื่อประกอบกิจการ
เบื้องต้น นายสุชาติ สุภาพันธ์ ปลัดอำเภอสังขะ ได้สอบถามข้อมูลชาวบ้านพร้อมตรวจสอบโฉนตที่ดินของชาวบ้านในละแวกนั้นเบื้องต้น ว่าทางสำนักงานที่ดินอำเภอสังขะ ได้มีการระบุไว้ในโฉนดที่ดินหรือไม่ว่ามีเส้นทางสาธารณะบริเวณดังกล่าวแต่ก็ยังไม่ชัดเจนซึ่ง นายสุชาติ สุภาพันธ์ ปลัดอำเภอสังขะ จะได้มีการประสานกับ สนง.ที่ดินอำเภอสังขะ เพื่อขอตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ และการรังวัดที่ดินของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหาความชัดเจนต่อไป จากนั้นจะได้ให้ทางทางผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อหาทางออกแก้ปัญหาร่วมกันตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ปลัดอำเภอได้เปิดเผยสั้น ๆ ว่า หากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี ในทางกฎหมายจะเป็นทางการจำยอมโดยอายุความ
นางถนอมศรี ยิ้มชื่น อายุ 54 ปี ชาวบ้าน ม.11 บ.ไพรพยัคฆ์ ต.เทพรักษา กล่าวว่า ตนเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีทางเข้าบ้านทั้งที่ใช้ทางเส้นนี้มา 30 กว่าปีแล้ว ตนก็มาทราบว่าเขาปิดทำไม ต้องเข้าออกตามป่าสวนยางพาราแทนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ และจักรยานก็เข้าออกไม่ได้ ลูกหลาน เด็กนักเรียนก็เข้าออกไม่ได้ อยากให้เขามาเปิดให้ใช้ถนนเหมือนเดิม เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน เดือดร้อนมาก ๆ ถูกปิดถนนมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ในซอยมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ 3 หลังคาเรือน และชาวสวนยางพาราที่ต้องใช้เส้นทางนี้เข้าออก ขนยางพาราออกไปขายก็เอาออกไม่ได้ ต้องออกทางอื่นซึ่งยากลำบาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พบข้อมูลจากเว็บไซต์ ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฏหมาย (www.decha.com) ระบุข้อมูลไว้ ว่า ทางที่คนทั่วไปใช้เข้าออกมาเป็นเวลามาเป็นเวลา 10 ปี แม้เป็นที่ที่โฉนดมีเจ้าของ กรณีนี้จึงย่อมถือว่า บุคคลทั่วไปที่ได้ใช้ทางดังกล่าวนั้น มีเจตนาใช้ทางโดยความสงบและโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเมื่อทางนั้น เป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ใช้ทางติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี บุคคลทั่วไปที่ใช้ทางนั้น ย่อมได้ทางดังกล่าวเป็นทางภารจำยอมโดยอายุความ ยังเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินที่มีทางดังกล่าวอยู่ ต้องยอมรับกรรมบางอย่าง ซึ่งกระทบต่อทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้น เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) มาตรา 1382, มาตรา 1387, มาตรา 1401 เพราะฉะนั้น ทางดังกล่าวจึงเป็นทางภารจำยอมซึ่งได้มาโดยอายุความ ประกอบกับเจ้าของที่ดิน ไม่ได้ว่ากล่าวทักท้วงในการที่บุคคลทั่วไปใช้ทางดังกล่าวออกสู่ถนนใหญ่ กรณีตามกฎหมายย่อมถือได้ว่า เจ้าของที่ดินมีเจตนาอุทิศทางดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนยกทางนั้นให้แก่รัฐ ดังนั้น บุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิใช้ทางดังกล่าวออกสู่ถนนใหญ่ได้ตามปกติ แต่ไม่อาจเป็นการละเมิดต่อเจ้าของที่ดิน อันเกิดจากการที่เราใช้สิทธิที่มีอยู่บนทางภารจำยอมเกินส่วนที่เรามีสิทธิ์นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 421