วัยรุ่นปากน้ำที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ นัดตบผ่านเฟซบุ๊ก พี่ชายเห็นน้องสาวเข้าใจว่าโดยรุม ปาระเบิดประทัดยักษ์ไดนาไมต์เข้าช่วย ทำให้บาดเจ็บ 4 ราย ก่อนมอบตัว
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ก่อเหตุปาระเบิดประทัดยักษ์ไดนาไมต์เข้าใส่คู่ฝูงชนมีผู้บาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิด บริเวณกลางซอยจัดสรรแยกซอยที่ 7 ม.4 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้งรุดตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ริมถนน หน้าอาคารแบ่งเช่าสูง 5 ชั้น ไม่มีเลขที่ พบผู้บาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดประทัดยักไดนาไมต์จำนวน 4 ราย บริเวณขาอาการสาหัส ได้แก่ นาง สมบูลย์ นายธนพล น.ส. แพรพลอย และ น.ส.มุก ได้รับบาดเจ็บตามขาเล็กน้อย เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์
สอบถามนายธนพล เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้พบ น.ส. แพรพลอย บุตรสาว กำลังเล่นเฟสบุกโต้ตอบกับใครไม่ทราบ ลูกสาวตนได้ออกมาหน้าบ้านและมีปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่นสาวท้ายซอย จนถึงขั้นตบตีกันที่หน้าห้องพักอาคารแบ่งเช่าดังกล่าว หลังจากนั้นตนและ นางสมบูลย์ ภรรยาจึงได้ออกมาจากห้องพัก และได้ช่วยกันแยกลูกสาวที่กำลังตบตีกับวัยรุ่น ทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นผู้ชายเกิดความไม่พอใจ จึงได้จุดชนวนระเบิดประทัดยักไดนาไมต์มาที่กลุ่มของตน จนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ หลังก่อเหตุกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิงได้หลบหนีไปทางท้ายซอย
เจ้าหน้าที่สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ น.ส.จุฬารัตน์ และนายจักรภัทร ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้หนีไปหลบซ่อนตัวที่บ้านพัก ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จึงได้เข้าไปจับกุมเพื่อดำเนินคดี ขณะที่ในส่วนที่เหลือได้หลบหนีกันไปคนละทิศละทาง
จากการสอบสวน น.ส.จุฬารัตน์ อ้างว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ทราบข่าวจากรุ่นน้องมาบอกว่า น.ส.แพรพลอย ได้ลงเฟซบุ๊กบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าตน เจอหน้าที่ไหนจะตบ จากนั้นตนจึงขอดูข้อความในเฟซบุ๊กและได้โต้ตอบกันอย่างรุนแรง จนถึงนัดจะไปตบสั่งสอนกันที่ริมถนนหน้าห้องพักจุดที่เกิดเหตุดังกล่าว เมื่อถึงเวลานัดหมายตนและ น.ส.แพรพลอย ลงมือตบกันทันที ท่ามกลางกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย จากนั้นพ่อและแม่พร้อมกับเพื่อนของ น.ส.แพรพลอย ออกมารุมแยกตัวตนฝ่ายเดียวจึงทำให้เสียเปรียบ จากนั้น นายจักรภัทร ได้จุดชนวนระเบิดประทัดยักษ์ไดนาไมต์โยนเข้าใส่ครอบครัวของ น.ส.แพรพลอย จนได้รับบาดเจ็บ
โดย นายจักรภัทร หลังก่อเหตุให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดจริง เพราะเข้าใจผิดว่า จะมารุมทำร้ายน้องสาวตนจึงลงมือเพื่อแก้แค้น ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาโดยต้องสอบปากคำอีกหลายปาก ก่อนที่จะตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป