น.ส.นิษฐาณัฐ ภัทรธนินนิษฐ์ หรือ “แม่นิด” เหยื่ออีกรายที่ถูก นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความฉ้อโกงเงิน ได้เข้าร้องเรียนและขอความเป็นธรรมจากสภาทนายความ ซึ่งก็ได้มีการแต่งตั้งทนายความให้ดูแลคดีนี้แล้ว ในขณะที่ พรุ่งนี้สภาทนายจะประชุมกันว่า จะถอดนายพิศิษฐ์ ออกจากสารบบทนายหรือไม่
ว่าที่ ร.ต.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ พร้อมด้วย นายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาส อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นำเอกสารการแต่งตั้งทนายความให้ นางสาวนิษฐาณัฐ ภัทรธนินนิษฐ์ อายุ 45 ปี ผู้เสียหายอีกรายที่ถูก นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความฉ้อโกงยืมเงินผู้เสียหายและครอบครัวไปกว่า 1,300,000 บาท
ร้อยตรีถวัลย์ ระบุว่า จะจัดทนายความอาสาให้ความช่วยเหลือว่าความในกรณีนี้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ส่วนกรณีของ นายพิสิษฐ์ นั้น ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) จะมีการประชุมเพื่อลงมติว่าสมควรมีการถอดถอน นาย พิสิษฐ์ ออกจากสารบบทนายความหรือไม่ ส่วนเรื่องของการฟ้องร้องทางแพ่งนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ใน 1-2 วันนี้ โดยตัวเลขความเสียหายตามหนังสือรับสภาพหนี้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้าน 8 แสนบาทไม่รวมดอกเบี้ย
ทางด้าน น.ส.นิษฐาณัฐ เปิดเผยว่า รู้จักกับ นายพิสิษฐ์ ผ่านทางภรรยาที่เคยมาขอเช่าอาคาร โดยในปี 2551-2552 ได้ว่าจ้างให้ นายพิสิษฐ์ เป็นธุระจัดการเรื่องมรดกของบิดาที่เสียชีวิตไป ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีข้อพิพาทใด ๆ กับครอบครัว หลังเกิดความคุ้นเคยกัน นายพิสิษฐ์ ได้ขอยืมเงินไปประมาณ 50,000 บาท อ้างว่าเพื่อยืมไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ซึ่งเป็นการยืมโดยปากเปล่าไม่ได้ทำสัญญา ก่อนที่จะมาทราบจากญาติว่า นายพิสิษฐ์ มาขอยืมไปอีกกว่า 900,000 บาท จึงเห็นว่าควรทำสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งรวมเงินของคนในครอบครัวที่ถูกยืมไป รวมกกว่า 1.3 ล้านบาท และจะครบกำหนดชำระคืนในเดือน ก.พ.58 ซึ่งก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมชดใช้เงินคืนให้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน
ส่วนเรื่องดังกล่าวที่ไปเกี่ยวข้องกับกรณีของ “น้องบีม” นั้น เนื่องจากมีอยู่วันหนึ่งตนได้ไปงานศพงานหนึ่งที่วัดชลประทานฯ และบังเอิญไปพบกับ “น้องบีม” ก็ได้พูดคุยถามไถ่กันมาระยะหนึ่ง จึงเกิดความสงสาร ได้พูดคุยกับทนายความว่าสมควรให้ความช่วยเหลือ จึงได้แนะนำให้แม่ “น้องบีม” รู้จักกับ ทนายพิสิษฐ์ และรับว่าความให้ “น้องบีม” ตั้งแต่นั้นมา