25 ม.ค.60 นายสมชาย วิทย์ดำรง ผู้ว่าราชการ จ.นครพนม เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลักดันให้องค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขึ้นเป็นมรดกโลก ว่า ในส่วนขั้นตอนการประชุมหารือในพื้นที่ทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ได้ประชุมลงมติเห็นชอบกับการเสนอให้องค์พระธาตุพนมเป็นมรดกโลก ผ่านกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ดูแลรับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด ได้ผ่านกระบวนการพิจารณา 4 ขั้นตอนถึงคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ม.ค.60 มีมติเห็นชอบให้เสนอองค์พระธาตุพนมไปยัง องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้องค์พระธาตุพนมขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งหลังจากนี้จะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาอีกประมาณ 1 ปี ในการตรวจสอบประเมินความพร้อมเพื่อรอการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างเป็นทางการ
ส่วนเนื้อหาสาระสำคัญนั้น ผู้ว่าฯ จ.นครพนม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้รับประกาศขึ้นเป็นมรดกโลก ถือเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนารวมถึงโบราณสถานที่สำคัญของชาวพุทธไปทั่วโลก เพราะถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่มีคุณค่าเหมาะแก่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากการหารือพิจารณาเบื้องต้นถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน และในอนาคตเชื่อว่า วัดพระธาตุพนมจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวพุทธทั่วโลก ส่วนเรื่องวัฒนธรรมประเพณี รวมถึงทรัพย์สมบัติภายในวัดในการดูแล ยังคงเป็นเรื่องของคณะกรรมการวัดรวมถึงผู้มีอำนาจในการดูแลคงเดิม
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ จ.นครพนม เชื่อมั่นว่าจะได้รับการพิจารณาอย่างแน่นอน ส่วนผลกระทบยืนยันว่าไม่มีปัญหาแน่นอน คือ จะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวมากขึ้น สำหรับพื้นที่ขอบเขตที่มีการประชุม สรุปที่จะเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก คือ พื้นที่บริเวณองค์พระธาตุพนม รวมถึงบริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมทั้งหมดเนื้อที่ประมาณ 125 ไร่
สำหรับองค์พระธาตุพนม ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน และยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่ในหลวง ร.9 เคยเสด็จฯ ถึง 5 ครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาว จ.นครพนม และในอนาคตหากได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจะทำให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ทำให้ชาวพุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้ความสนใจมากราบไหว้บูชา สอดคล้องกับการพัฒนา จ.นครพนม ในฐานะเป็นเมืองชายแดนเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยในอนาคต