31 ม.ค.60 เวลา 00.30 น. ที่ สภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่งานป้องกันปราบปรามและตำรวจชุดสืบสวน สภ.คำม่วง ควบคุมตัว นายทองปาน โถนารัตน์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่า นายหนู โพธิสา อายุ 67 ปี โดยใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงเข้าที่บริเวณศีรษะจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 30 ม.ค.60 เวลา 17.00 น.โดยคนร้ายให้การรับสารภาพว่าได้ทำไปเนื่องจากเชื่อว่าผู้ตายอยู่เบื้องหลังการที่บิดาของตนถูกฆ่าตายเมื่อ 18 ปีก่อน โดยที่เกิดเหตุพบพานท้ายปืนหักตกอยู่
นายทองปาน โถนารัตน์ ผู้ต้องหา สารภาพว่า เหตุที่ทำไปเป็นการแก้แค้นให้กับบิดาของตน เพราะเมื่อ 18 ปีก่อน ขณะที่ตนและพ่อแม่นอนอยู่ภายในบ้านได้มีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปภายในบ้านจากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงจนตายต่อหน้าต่อตา จากนั้นก็ได้หลบหนีไป ระหว่างนั้นด้วยความกลัวและแค้นใจก็พยายามสอบถามคนในหมู่บ้านถึงเหตุการณ์และหาสาเหตุมาเสมอว่าพ่อของตนตายเพราะเรื่องอะไร จนมาได้ข่าวภายหลังว่า นายหนู พี่ชายของแม่ตน ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงแท้ ๆ มีส่วนพัวพันในการตายของพ่อ ซึ่งตนก็ได้พยามสอบถามแต่ก็ถูกปฏิเสธ จนเมื่อรู้เรื่องจนมั่นใจแน่ชัดจึงได้ตัดสินใจลงมือ ด้วยการใช้อาวุธปืนแก๊ปยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยหลังจากที่ได้พูดคุยกันไม่นาน
ด้าน น.ส.อรพิมล โพธิสา อายุ 33 ปี บุตรสาวผู้ตาย กล่าวว่า เรื่องที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างไม่เป็นความจริง แต่พ่อของผู้ต้องหาตายจริงเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งพ่อของตนหรือลุงผู้ต้องหาก็เป็นคนนำมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ๆ จึงไม่เกี่ยวกันแต่ผู้ต้องหามักจะถูกดุเพราะพ่อของตนต้องการให้ได้ดี เพราะผู้ต้องหายังมีพฤติกรรมเสพยา เหตุการณ์นี้เชื่อว่าสาเหตุที่ว่าแค้นมา 18 ปีคงไม่เกี่ยวข้อง จะมีก็เรื่องปัญหาเสพยาเสพติดเท่านั้น
พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้กับการรับสารภาพ ว่าได้ถืออาวุธปืนยิงเข้าไปในที่เกิดเหตุ 1 นัด ซึ่งผู้ตายได้ร้องโวยวายเพื่อจะหนี แต่ไม่พ้นอีกทั้งสะดุดล้ม ผู้ต้องหาจึงใช้ด้ามปืนที่ถือมาตีเข้าที่บริเวณท้ายทอย 4-5 ครั้ง ก่อนเสียชีวิต แต่เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการแก้แค้น ก็จะให้พนักงานสอบสวน สภ.คำม่วง ไปตรวจสอบคดีว่าเมื่อ 18 ปีที่แล้วมีคดีเช่นนี้หรือไม่ เนื่องจากเบาะแสที่ได้รับมาจะเป็นเรื่องที่ดินและเรื่องยาเสพติด ซึ่งก็จะต้องทำการสอบสวนไปตามกระบวนการในชั้นพนักงานสอบสวนฯ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาต้องรับโทษตามกฎหมายในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต