ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 นครศรีธรรมราชการเร่งสางปมผลประโยชน์ของวัดภายในจังหวัด หลังได้รับร้องเรียนว่า มีอีก 6 วัด มีลักษณะถูกครอบงำเหมือนวัดวังตะวันตก ที่ตรวจสอบล่าสุด พบผ้าโบราณจำนวนมากหายไป โดยเฉพาะผ้าผืน “เจ้าจอมมารดาปราง” ตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
หลังการคลี่คลายคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือศุภโชค เอกเกียรติกุล แล้วฝังภายในวัดวังตะวันตก โดยปมปัญหาเกิดจากผลประโยชน์ของวัด ซึ่งจนถึงวันนี้ ก็ยังจัดการไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะทรัพย์สินและวัตถุโบราณ วันนี้ นายอาณัฐ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 เจ้าหน้าที่หอสมุดแห่งชาติ และพระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พร้อมด้วยไวยาวัจกร เข้าตรวจสอบผ้าโบราณ ภัมภีร์โบราณ และวัตถุโบราณอีกหลายชนิด ที่ถูกจัดเก็บอยู่ภายในหอไตรอินทสุวรรณ ภายในวัดวังตะวันตก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมจัดทำทะเบียนและจัดเก็บอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีการรื้อออกมาจากจุดเก็บเดิมพบผ้าห่อพระคัมภีร์และผ้านุ่งโบราณหลายสิบผืน กระทั่งาผ้าโบราณของวัดวังตะวันตก ซึ่งประกอบไปด้วยผ้าผืนสำคัญของ “เจ้าจอมมารดาปราง” เจ้าจอมในสมเด็จพระเจ้าตากสิน มารดาของเจ้าพระยานครน้อย อดีตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ผ้าห่อพระคัมภีร์ กล่องโบราณลายรดน้ำลงรักปิดทอง อีกนับสิบชิ้นสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยวัดได้เตรียมมอบอำนาจให้กับทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้สืบสวนสอบสวนติดตามวัตถุโบราณชุดที่หายไปแล้ว
ส่วนความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ระบุว่า มีความสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว รอเพียงเอกสารการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอและนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุพยานอีกส่วนหนึ่ง จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องกับพนักงานอัยการได้ ส่วนทรัพย์สินของวัดเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนไปได้พอสมควรแล้วและรู้ว่าเกี่ยวข้องกับใครอย่างไร รอเพียงวัดเข้าแจ้งความดำเนินคดี ก็สามารถที่จะเดินหน้าทั้งในส่วนของการยักยอก หรือลักทรัพย์ไปได้ทันที
ขณะที่วันนี้ (22 มิ.ย.) พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 (ผบ.มทบ.41) นำกำลังทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่วัดศาลามีชัย ต.ศาลามีชัย อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น 1 ในจำนวน 6 วัดแรกที่จะต้องเข้าจัดการตามการร้องขอของเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังพบเป็นกลุ่มวัดที่เจ้าอาวาสอาพาธและมีบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เข้ามามีอำนาจครอบงำวัด ตรวจสอบพบ พระครูวิชัยนันทคุณ อยู่ในสภาพอาพาธหนักไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง
เบื้องต้น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ได้พูดคุยเพื่อขออนุญาตเข้าจัดระเบียบ พบข้อมูลเบื้องต้นว่า การจัดการทรัพย์สินของวัดไม่มีกรรมการคอยดูแล มีเพียงนักธุรกิจรายหนึ่งเข้าบริหารจัดการทั้งหมด โดยที่เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาส รวมทั้งผู้ดูแลพยาบาลเจ้าอาวาส ไม่ทราบชัดเจนว่า มียอดเงินมากน้อยแค่ไหน ส่วนรายได้ของวัดพบว่า มีค่าเช่าตลาดแบบรายวัน หลายร้อยแผงค้า การเช่าอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก รายได้จากรังนกอีแอ่น ซึ่งไม่มีใครทราบยอดเงินรายได้ รวมทั้งไม่สามารถตรวจสอบบัญชีวัดได้ ส่วนอีก 5 วัด คือ วันยวนแหล วัดสามัคคีนุกูล วัดวรรณาราม วัดเชิงแขก และวัดเชิงแตระ ทหารอีก 5 ชุดปฏิบัติการได้กระจายกำลังลงตรวจสอบในเวลาเดียวกัน
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ยังระบุด้วยว่า ใน 6 วัดดังกล่าวพบบางวัดกำลังมีปัญหาเรื่องที่ดิน มีหมู่บ้านจัดสรรเข้ามาปรับพื้นที่วัด และเมื่อเจ้าอาวาสอนุญาตให้เข้าดำเนินการจะต้องระงับการก่อสร้างไว้ก่อน รอจนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ ส่วนผู้ที่เข้ามามีอำนาจครอบงำวัด หากเข้าข่ายเป็นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล จะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการ
