จากกรณีที่มี “ม้าน้ำเสียบไม้ย่าง” ปกติใครไปต่างประเทศแถว ๆ ฮ่องกง หรือในประเทศจีน อาจจะเห็นกลาดเกลื่อนทั่วไป แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมีในประเทศไทยที่ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา แม้ว่าตอนนี้ทางตลาดน้ำได้สั่งยกเลิกสัญญาร้านขายอาหารดังกล่าวแล้วแต่ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมว่า การขายม้าน้ำเป็นอาหารมีความผิดหรือไม่ เดี๋ยวลองไปดูภาพม้าน้ำเสียบไม้ย่างกันก่อนว่าเป็นอย่างไร
ภาพ “ม้าน้ำเสียบไม้” ที่วางขายในร้านอาหารทะเลย่างที่ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา จำหน่ายไม้ละ 150 บาท ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวให้ความสนใจ รวมทั้งถ่ายรูปจำนวนมาก ซึ่งเจ้าของร้านให้ข้อมูลว่าขายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนที่สนใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จากภาพที่ปรากฏออกมา ทำให้ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา ตัดสินใจยกเลิกสัญญาการค้าของร้านดังกล่าวทันที มีผลตั้งแต่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากจำหน่ายสินค้าไม่ได้แจ้งทางตลาดน้ำ ซึ่งประเด็นนี้สังคมตั้งคำถามว่า แม้จะอนุญาตให้มีการจำหน่ายหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส ที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่นั้น บอกว่า ม้าน้ำห้ามมีการซื้อขาย แต่ถ้ากฎหมายในบ้านเรายังมีการจำหน่ายอยู่ถือเป็นข้อถกเถียงในสังคม
ซึ่งในวันนี้ (23 ม.ค.61) ทางผู้จัดการตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา นายวิชัย ธเนศานุรักษ์ เจ้าหน้าที่จากกรมประมง รวมทั้งเจ้าของร้านอาหารทะเลที่จำหน่าย “ม้าน้ำเสียบไม้” มาชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ ต่อสื่อมวลชนหลังจากไปตรวจสอบร้านค้ามาแล้ว โดยทางด้าน นางไพศรี วรวงศ์ อายุ 54 ปี แม่ค้าเจ้าของร้านออกมาขอโทษทางตลาดน้ำและพี่น้องประชาชนทั่วไปเนื่องจากเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
บอกด้วยว่าเอามาจากร้านขายยาสมุนไพรย่านเยาวราชและจำหน่ายราคา 80-100 บาท แต่เมื่อเอามาเสียบไม้และวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว ราคา 150 บาท แต่ด้วยความที่เป็นสัตว์สงวนและเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาแปลก แทบไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ขายได้เพียงไม้เดียว
ส่วนประเด็นเรื่องการขายม้าน้ำมีความผิดหรือไม่อย่างไร ทางด้าน นายพงษ์ศิริ ประสพสุข นักวิชาการประมงชำนาญการด้านตรวจสัตว์น้ำชลบุรี กองควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิต กรมประมง บอกว่า ขณะนี้อนุสัญญาไซเตสห้ามแค่การนำเข้าและส่งออกม้าน้ำซึ่งมี 5 สายพันธุ์ในประเทศไทย เป็นสัตว์ในบัญชี 2 ของอนุสัญญา “แต่ในประเทศไทยยังไม่มีข้อห้าม” จึงเป็นช่องว่างที่นำมาวางขายได้ สำหรับการจำหน่ายม้าน้ำที่ตลาดน้ำสี่ภาคพัทยา ตามกฎหมายไม่มีความผิดเนื่องจากยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ก็ต้องถามถึงที่มาว่ามีการนำมาจำหน่ายอย่างไร
ส่วนความคิดเห็นจากนักวิชาการอย่าง รองศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า การห้ามนำเข้าหรือส่งออกม้าน้ำตาม ไซเตส อาจมีผลบ้าง แต่ปัญหาสำคัญ คือ ม้าน้ำไม่ได้เป็นสัตว์คุ้มครองของไทยจึงวางขายได้ และเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติชอบ การขายอาจเพิ่มขึ้นทำให้กระทบต่อประชากรม้าน้ำของไทยแน่นอน ซึ่งทางออกคือ ผลักดันให้ม้าน้ำเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งทราบว่าหลายฝ่ายยังดำเนินอยู่ หวังว่าคงคืบหน้าบ้าง สำหรับการฟื้นฟูม้าน้ำ เช่น เพาะ ปล่อย ฯลฯ ช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่การแก้ที่ต้นเหตุ
สำหรับม้าน้ำตัวจะเล็กไม่มีเนื้อมีแต่หนัง ดังนั้นบรรดาเรือประมงที่ออกหาปลาก็จับมาได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งพวกเขาจะนำมาตากแห้งและจำหน่ายกับร้านขายยาโดยเฉพาะร้านยาที่เยาวราช ซึ่งนำมาบดใส่แคปซูลจำหน่าย โดยมีความเชื่อที่ว่าเป็นยาชูกำลัง เป็นยาแพทย์แผนจีน เชื่อว่าสามารถรักษาโรคหวัด สร้างความเจริญเติบโตให้กับร่างกายและบำรุงสมรรถภาพทางเพศได้แต่ไม่มีการนำส่งออก