สมาชิกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ร้องรักษาการนายกสมาคม ให้เคลียร์การใช้เงินให้โปร่งใส ระบุ ฉันตาบอดมองไม่เห็นเงิน สมาคมมีเงินเป็นล้านมันหายไปไหนหมด วอนสังคม คนตาดี ช่วยทำความจริงให้กระจ่าง
วันนี้ (7 ส.ค.) ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นกับสมาชิกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร เรื่องเงินนับล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้องจนเป็นเหตุร้องทุกข์ ร้องเรียน ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล ล่าสุด นางผิวพรรณ กลักเพชร อายุ 53 ปี (เป็นคนตาบอด) นายสมพงษ์ ทองอร่าม อายุ 56 ปี (คนตาบอด) อาชีพนวดแผนไทย, นายฉ้อน วีระพันธ์ อายุ 56 ปี (คนตาบอด) อาชีพนวดแผนไทย , นายสมศักดิ์ อังกุลคุปต์ อายุ 36 ปี (คนตาบอด ) จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ทำธุรกิจส่วนตัว ได้แสดงหลักฐานเป็นหนังสือร้องเรียนที่ส่งถึงฝ่ายปกครองจังหวัดพิจิตร ว่า ขอให้ตรวจสอบรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร โดยชี้เหตุผลว่า เกิดความไม่โปร่งใสในการใช้เงิน ที่เป็นงบประมาณสนับสนุนมาจากทางราชการ รวมแล้วเป็นเงินนับล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันร้องทุกข์ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ว่า สมาคมได้รับเงินสนับสนุนจากทางราชการเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาสมาชิกที่เป็นคนตาบอดมีสภาพเหมือนคนตาบอดที่ซับซ้อนเสียยิ่งกว่าดวงตาที่มืดมิด กล่าวคือ มิเคยได้รับรู้เรื่องราวรายรับ-รายจ่าย รวมถึงสิทธิที่ควรจะได้รับ จึงอยากให้มีการตรวจสอบ ที่สำคัญ ในวันที่ 9 ส.ค. 2560 สมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ก็จะจัดให้มีการเลือกตั้ง นายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ซึ่งก่อนที่จะมีการลงคะแนน อยากให้มีการประชุมชี้แจงให้โปร่งใสเสียก่อน เพื่อที่สมาชิกจะได้รู้ข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมา เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ทั้งคนตาดี และคนตาบอดต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา จึงอยากให้ทางราชการ รวมถึงฝ่ายทหารให้ช่วยทำเรื่องจริงให้คนตาบอดได้รู้แจ้งถึงความโปร่งใสด้วย เพราะที่ผ่านมาหลายปีทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด
ทางด้าน น.ส.การะเกตุ พันธ์มี รักษาการนายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า สมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร มีรายรับที่เป็นเงินอุดหนุนจากส่วนราชการ และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 26-27 ก.ค. 2560 ก็ได้นำเอาบัญชีไปชี้แจง และให้ปลัดอำเภอโพธิ์ประทับช้างตรวจสอบในทุกโครงการอย่างโปร่งใส ซึ่งก็มี 7 โครงการที่มีเงินให้มากบ้างน้อยบ้าง แต่โครงการต้นกล้าอาชีพ มี 4 โครงการๆ ละ 300,000 บาท ให้ดำเนินการอบรม เรียนรู้ ให้กับสมาชิกที่เป็นคนตาบอดได้เรียนในวิชานวดแผนไทย วิชาการใช้ไม้เท้า วิชาการใช้อักษรเบลล์ ซึ่งต้องใช้เวลาเรียน 90 วัน ใช้เงินเป็นค่าวิทยากร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ทุกอย่างตรวจสอบได้
รักษาการนายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่มีเงินผ่านมือนับล้านบาท แต่เงินที่ได้มา ต้องใช้ ต้องทำโครงการ ไม่ใช่เงินได้เพื่อเก็บสะสม จึงต้องหมดไปตามปีงบประมาณ ส่วนวันที่ 9 ส.ค. 2560 จะมีการลงคะแนนเลือกนายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดพิจิตร นั้น ก็ได้ดำเนินการอย่างโปร่งใส จะมีตัวแทนจาก สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย, ตัวแทนจาก สนง.คณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.พิจิตร, ตัวแทนจากฝ่ายปกครอง และจาก สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ ที่จะมาร่วมสังเกตการณ์