สพฉ. วอนประชาชนอย่าโทรป่วนสายด่วนฉุกเฉิน 1669 พร้อมย้ำมีโทษปรับทางกฎหมาย ระบุที่ผ่านมาพบการโทรป่วนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
จากกรณีพ่อค้าปลาทูใน จ.อุบลราชธานี โทรป่วนสายด่วน 1669 โดยอ้างว่า ขับรถตกน้ำจนมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย หวังเรียกร้องความสนใจหลังทะเลาะกับภรรยา ล่าสุด นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า จากกรณีนี้จะเห็นว่า การที่แกล้งโทรแล้วไม่มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ถือเป็นการโทรหลอก ทำให้สูญเสียทรัพยากรทั้งในส่วนของบุคลากร อุปกรณ์ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ฉุกเฉินจริง ๆ ทำให้ผู้ป่วยในส่วนนี้เสียโอกาสไป ซึ่งการจะโทรแจ้งเพื่อขอความช่วยเหลือไปยังหมายเลข 1669 ขอย้ำว่า ไม่ควรโทรเล่น หรือโทรก่อกวน จะดีที่สุด
รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องการโทรป่วนกรณีนี้ ทาง สพฉ. ได้มอบหมายให้คณะทำงานสอบสวนที่ได้ตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงเชิญผู้ที่โทร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป หากพบว่ามีความผิดจริง ผู้ที่โทรป่วน จะมีความผิดตามมาตรา 38 พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551 ผู้ใดใช้ระบบสื่อสารและเทคโนโลยีที่จัดไว้สำหรับการปฏิบัติการฉุกเฉินโดยประการที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่การปฏิบัติการฉุกเฉิน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้อาจจะเป็นความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ เช่นกฎหมายอาญาเป็นต้น
นพ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพบการโทรป่วนสายด่วน 1669 ทั่วประเทศคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่เป็นการโทรเล่นโดยที่ไม่มีผู้ป่วยจริง ยกตัวอย่างกรณีที่ จ.อุบลราชธานี มีการโทรแจ้งขอความช่วยเหลือ 60 ครั้ง แต่พบว่ามีการโทรป่วนกว่า 20 ครั้งเลยทีเดียว ทั้งนี้ในการดำเนินการสอบสวนเพื่อลงโทษนั้น สพฉ.จะเชิญทุกฝ่ายมาให้ข้อมูล หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะมีการเทียบปรับต่อไป พร้อมย้ำว่า สพฉ. อยากรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการใช้สายด่วนฉุกเฉิน และจดจำหมายเลข 1669 ไว้ให้ดี เพราะถือเป็นสายด่วนช่วยชีวิต
ส่วนข้อควรรู้สำหรับประชาชนที่จะโทรแจ้งสายด่วน คือ 1. เมื่อพบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ตั้งสติและโทรแจ้งสายด่วน 1669
2.ให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุอะไรมีผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในลักษณะใด
3.บอกสถานที่เกิดเหตุเส้นทางจุดเกิดเหตุให้ชัดเจน
4.บอกเพศ ช่วงอายุ อาการ จำนวน ผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ
5.บอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย
6.บอกความเสี่ยงที่อาจเกิดซ้ำ เช่น อยู่กลางถนนหรือรถติดแก๊ส
7.บอกชื่อผู้แจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
8.ช่วยเหลือเบื้องต้นตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
9.รอทีมกู้ชีพไปรับผู้ป่วยเพื่อนำส่งโรงพยาบาลต่อไป