เปิดคลิป หนุ่มใหญ่กระโดดพุ่งให้รถเทรลเลอร์ทับหัวดับที่โคราช ญาติมืดแปดด้าน ตำรวจเร่งสอบผู้ใกล้ชิดหาเหตุแรงจูงใจฆ่าตัวตายครั้งนี้
หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้เปิดเผยคลิปจากกล้องวงจรปิด เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นภาพสุดระทึก มีชายคนหนึ่งเดินวนเวียนอยู่หน้าจุดบริการประชาชน ของหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดจอหอ อาการเหมือนกระวนกระวาน ประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะมีรถเทรลเลอร์บรรทุกรถแบคโฮ วิ่งจากสี่แยกไฟแดง มาถึงจุดบริการ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น … ชายคนนี้ได้เดินมาข้างถนน เล็งไปที่ล้อหลังของรถเทรลเลอร์ ก่อนที่จะกระโจน พุ่งเอาศีรษะเข้าไปให้ล้อรถเทรลเลอร์ทับเสียชีวิตอย่างสยดสยอง
ล่าสุดวันนี้ (13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้รับการเปิดเผยจาก นายพรรพต เกิดแก้ว ผู้ดูแลจุดบริการหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดจอหอว่า ช่วงดังกล่าวเป็นเวลาเร่งด่วน ที่จะมีรถยนต์วิ่งผ่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการคอยให้บริการประชาชนอยู่ในจุดบริการ เพราะว่าจุดนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยในช่วงเกิดเหตุวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้สังเกตเห็นหนุ่มใหญ่รายหนึ่ง สวมกางเกงยืน ใส่เสื้อยืดสีน้ำตาล มาเดินวนเวียนอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเหมือนมีความเครียดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเห็นชายดังกล่าวกระโดดพุ่งเข้าให้รถเทรลเลอร์เหยียบเสียชีวิต ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยที่เห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมา คือ นายฉัตรมงคล พลจันทร์ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 13 ต.โนนแดง อ.โนนแดง จ.นครราชสีมา จึงได้ช่วยกันนำศพส่งให้แพทย์นิติเวชชันสูตรศพ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมกับติดต่อญาติให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ด้าน ร.ต.อ ธัชพล มีพวง พนักงานสอบสวน สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ภายหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็ได้สอบถามญาติผู้เสียชีวิต ในเบื้องต้นทราบแต่เพียงว่า นายฉัตรมงคล ได้เดินทางมาจากบ้านที่ อ.โนนแดง ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม เพื่อเข้ามาหางานทำในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งมาคิดสั้นฆ่าตัวตายในครั้งนี้ ส่วนแรงจูงใจในการคิดสิ้นในครั้งนี้ ญาติๆ ก็ยังมืดแปดด้าน เพราะนายฉัตรมงคล ไม่เคยบ่นเรื่องชีวิตส่วนตัวใดๆ ให้ฟังเลย เนื่องจากนายฉัตรมงคล อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีลูก ไม่มีภรรยา จึงทำให้ไม่ทราบสาเหตุแรงจูงใจ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ใกล้ชิด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง