สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง รายงานว่า สหรัฐอเมริกาเริ่มปฏิบัติการยิงขีปนาวุธกว่า 50-60 ลูก โดยยิงจากเรือรบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โจมตีฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในประเทศซีเรีย ด้วยจรวดโทมาฮอว์ค (Tomahawk) จากเรือรบที่ประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีต่อประชาชน ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของกองทัพรัฐบาลประธานาธิบดี บาชา อัล-อัสซาด
ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวประกาศต่อประชาชนชาวอเมริกันถึงการตัดสินใจโจมตีซีเรียครั้งนี้ ว่า ซีเรียภายใต้การนำของ ปธน. อัล-อัสซาด ละเมิดมติของสหประชาชาติ (UN) เรื่องอาวุธเคมี และสังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเมื่อวันอังคารที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในการถ่ายทอดจากรีสอร์ทมาร์-ลา-อาโก รัฐฟลอริดา สถานที่รับรอง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนที่กำลังเยือนอเมริกาในเวลานี้ ซึ่งน่าจะมีการพูดคุยกันถึงปัญหาของเกาหลีเหนือด้วย ว่า
“อเมริกาขอเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันหยุดยั้งการนองเลือดในซีเรีย และร่วมกันต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย ความพยายามก่อนหน้านี้เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวทางของประธานาธิบดี อัล-อาซาด ล้มเหลว และทำให้ความระส่ำระสายในซีเรียหยั่งรากลึกขึ้น”
สำนักข่าว AP รายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นภาพผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเด็กถูกสังหารด้วยแก๊สพิษ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อกันว่าเป็นแก๊สซาริน อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการโจมตีซีเรีย ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียเป็นอาชญากรรมที่สมควรแก่การถูกประณามและไม่ควรเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรียในครั้งนี้ อาจเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐฯ ไม่เกรงกลัวที่จะดำเนินการทางทหารเพียงฝ่ายเดียว แม้ประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ เช่น จีน อาจไม่เห็นด้วยก็ตาม
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ประณามการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเขตที่อยู่ใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลในซีเรีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดย นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่า การโจมตีซึ่งมีเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็กและสตรี เป็นเรื่องน่าชิงชังและไม่สามารถเพิกเฉยได้
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณเมืองอิดลิบ (Idlib) และอาจจะเป็นการโจมตีด้วยสารเคมีครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 4 ปี หลังจากที่การโจมตีด้วยแก๊สพิษที่เขตชานกรุงดามัสกัส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,500 รายเมื่อปี ค.ศ.2013 ซึ่งครั้งนั้น สหรัฐฯ ภายใต้อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถือว่าเป็นการ “ข้ามเส้น” ที่จะยอมรับ และอดีต ปธน.โอบามา ข่มขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศ
อย่างไรก็ตาม การตอบโต้ทางทหารของสหรัฐฯ ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เลือกที่จะกดดันให้มีการเจรจาจนนำไปสู่การคืนอาวุธเคมีในซีเรีย หลังจากนั้น มีการใช้อาวุธเคมีโจมตีอีกหลายครั้งในซีเรียแต่สารพิษมีความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน จนกระทั่งเหตุสลดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา