สองผัวเมียที่ถูกเด็ก15ถอยรถทับออกจากรพ.แล้ว

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุคชื่อว่า “พัน รีกวย” ได้โพสต์ภาพคลิปวีดีโอรถกระบะถอยหลังทับคนที่กำลังเดินอยู่บนถนนสายสะเดาะพงษ์ – แคมป์สน หน้า สภ.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งทราบต่อมาว่า ชายหญิงวัยกลางคนดังกล่าว ที่ถูกรถยนต์กระบะถอยหลังชนและทับร่างลากไปไกลจำนวนหลายสิบเมตร คือ นายวันชัย พาแก้ว อายุ 44 ปี และนางอารยา พาแก้ว อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 3 บ้านมุกโต ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยขณะเกิดเหตุ นายวันชัย และนางอารยา กำลังเดินข้ามถนนกลับจากซื้อของที่ตลาดนัดฝั่งตรงข้ามกับ สภ.เขาค้อ แต่จู่ๆ ก็มีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ค สีเทา หมายเลขทะเบียน ฌล 7540 เชียงใหม่ ซึ่งมีนายณัฐพล แซ่โซว อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/8 หมู่ 1 ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงราย ซึ่งตามครอบครัวมาเช่าพื้นที่ปลูกสตรอเบอร์รี่ในเขตพื้นที่อำเภอเขาค้อ เป็นคนขับ ได้ขับรถถอยหลังชนและทับร่างลากไปไกลจำนวนหลายสิบเมตร จนเป็นเหตุสะเทือนขวัญ น่าสังเวช และเศร้าสลดใจแก่ผู้พบเห็น

หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้ช่วยกันยกรถนำร่างของสองสามีภรรยาเคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาลเขาค้อ โดยนายวันชัยถูกรถทับจนทำให้กระดูกสันหลังหักทับเส้นประสาท ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวท่อนล่างได้ จะต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ส่วนนางอารยาได้รับบาดเจ็บแขนซ้ายหัก แพทย์จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเวลาผ่านมา 20 วัน นายวันชัย และนางอารยา สามารถกลับมานอนพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว โดยนายวันชัย แพทย์ได้ทำการผ่าตัดที่บริเวณแผ่นหลัง เพื่อเอากระดูกสันหลังที่หักทับเส้นประสาทออก ซึ่งขณะนี้สามารถลุกนั่ง เดินเข้าห้องน้ำได้ แต่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงและมีคนช่วยคอยประคอง แต่ยังไม่สามารถนั่งได้นาน เนื่องจากมีอาการปวดระบมที่บาดแผลที่ทำการผ่าตัด ส่วนนางอารยา แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเสริมเหล็กที่บริเวณแขนข้างซ้าย ทำให้แขนข้างซ้ายยังไม่สามารถใช้การได้ แต่ก็ต้องใช้แขนข้างเดียวคอยช่วยประคองนายวันชัยสามี เข้าห้องน้ำ เช็ดเนื้อเช็ดตัว และทำแผลให้วันละ 2 ครั้ง ขณะที่การหุงหาอาหาร และทำความสะอาดบ้านเรือน นางอารยาได้ให้มารดาซึ่งมีอายุมากแล้ว มาช่วยจัดการดูแลให้ ส่วนภาระกิจชีวิตประจำวันที่นายวันชัย และนางอารยา สองภรรยาต้องออกไปทำการเกษตร ปลูกดูแลต้นเสาวรส หรือ ต้นกะทกรก ซึ่งเป็นอาชีพหลัก ขณะนี้ก็ต้องว่าจ้างคนงานให้คอยไปดูแลให้

ส่วนในเรื่องคดีความ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาค้อ ได้เรียกให้นายวันชัย และนางอารยา ไปสอบปากคำ แต่นายวันชัย ขอพลัดเป็นอาทิตย์หน้า เนื่องจากยังมีอาการปวดที่บาดแผลผ่าตัด นั่งนานไม่ได้ แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ทั้งหมดราว 1 แสนบาท ทางบิดาของเด็กชายวัย 15 ปี ได้ใช้ พรบ.รถยนต์ ซึ่งคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำนวน 7 หมื่นบาท มาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล ส่วนที่เหลือนายวันชัย เป็นผู้ออกเองทั้งหมด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด

นายวันชัย พาแก้ว กล่าวว่า ทุกวันนี้ภรรยาที่บาดเจ็บแขนซ้ายหัก ต้องคอยช่วยพยุงเข้าห้องน้ำ ทำแผล และมีแม่ยายมาหุงข้าว ทำกับข้าวให้กิน ตนยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นั่งนานก็จะปวดหลังที่แผลผ่าตัด จึงต้องนอนตะแคงซ้ายตะแคงขวาอยู่ทั้งวัน ส่วนอาชีพการทำการเกษตรปลูกเสาวรส ขณะนี้ต้องจ้างคนอื่นไปทำ ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนเยอะขึ้น ต้องใช้เงินที่เคยเก็บไว้นำออกมาใช้ ตนยังไม่รู้ว่าอนาคตตนจะเป็นอย่างไร ส่วนค่ารักษาหมดไปราว 1 แสนบาท ตนได้ใช้สิทธิ์ของ พ.ร.บ. รถเค้า และใช้สิทธิ์ที่ตนทำงานอยู่ ส่วนเกินตนก็จ่ายเองอีก อุบัติเหตุครั้งนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนมาก เพราะตนไม่รู้ว่าตนจะทำงานได้เหมือนเดิมหรือเปล่า ซึ่งตนเองต้องส่งลูก 2 คน เรียนเดือนละกว่าหมื่นบาท

ส่วนความคิดเห็นคนที่ขับรถชนตนและภรรยา ซึ่งมีอายุเพียง 15 ปีว่า ตนว่ายังไม่ถึงวัยที่สมควรให้ขับรถ เพราะความรับผิดชอบ การตัดสินใจต่างๆยังไม่เหมือนผู้ใหญ่ ยังไม่มีความรอบครอบในการขับรถ ถ้าเค้ามีความรอบครอบมองกระจกซ้าย ขวา กระจกกลาง ก็คงไม่ชนตน เพราะคนตั้ง 2 คน ก็น่าจะเห็น การถอยเค้าไม่ค่อยๆถอย เค้าพุ่งมาอย่างเร็วเหมือนการขับรถเดินหน้า ชนแล้วเค้าอาจจะตกใจทำอะไรไม่ถูก ถ้าชนปั๊บเค้าหยุดรถตนก็ไม่บาดเจ็บขนาดนี้ ตนว่าไม่สมควรให้เด็กอายุขนาดนี้ขับรถ เพราะการตัดสินใจต่างๆไม่เหมือนผู้ใหญ่ บางครั้งผู้ใหญ่ก็ยังตกใจเวลาขับ พ่อแม่คงคิดมากกว่านี้ว่า สมควรไหมให้ลูกขับในบนท้องถนนสายหลักที่มีคนพุกพ่านต่างๆ กรณีของตนน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ สำหรับพ่อแม่ที่ชอบให้ลูกขับรถต่างๆ

นายวันชัย พาแก้ว ยังกล่าวถึงนาที่ที่เกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุตนและภรรยามาซื้อกลับข้าวที่ตลาดนัด และกำลังจะเดินกลับบ้าน พอเดินมาถึงที่เกิดเหตุตนก็มองเห็นรถคันดังกล่าววิ่งผ่านไปแล้ว และตนก็มองแต่ด้านซ้ายว่ามีรถตามมาไหม เพื่อจะข้ามถนนไปขึ้นรถตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเค้าถอยหลังรถกลับมาได้อย่างไร แค่ภรรยาบอกว่าพี่รถมา ตนและภรรยาก็โดนชนลงไปนอนทั้งคู่แล้ว ตนไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องถอยรถเร็วขนาดนั้น พอหันเห็นรถก็ถูกชนล้มกลิ้งและลากไปตามถนนแล้ว

นางอารยา พาแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้ลำบากมาก เพราะถูกรถชนทำงานไม่ได้ แต่ต้องหาเงินให้ลูกเรียน ผลผลิตทางการเกษตรก็ต้องจ้างคนอื่นไปทำ ทำให้เหลือเงินเพียงเล็กน้อย เอามาส่งให้ลูกเรียน อยู่บ้านกันแค่ 2 คน ก็ต้องตามให้แม่ตนมา ซักผ้า หุงข้าวให้กิน ตอนนี้ตนยังหุงข้าวไม่ได้ต้องรอแม่อย่างเดียว แม่ก็ไม่ค่อยสบาย และที่กังวลใจมากที่สุดก็คือ เรื่องเงินส่งเสียลูกเรียน ถ้าไม่มีเงินให้ลูกเรียน อนาคตของลูกไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป ลูกสาวคนโตเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏปี 2 ส่วนลูกชายคนเล็กเรียนอยู่วิทยาลัยเทคนิค ปวช.ปี 2 หนี้สินก็เยอะ ทำงานหาใช้หนี้ไม่ไหว อุบัติเหตุครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตตนมาก จากที่ธรรมดาตนไม่เคยมีเวลาอยู่บ้านสักวัน จะทำงานหาแต่เงิน ถ้าที่บ้านไม่มีงานก็จะออกไปทำงานรับจ้างวันละ 300 บาททุกวัน เพื่อหาเงินให้ลูก เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

นางอารยา ยังกล่าวต่ออีกว่า เรื่องนี้พ่อแม่คู่กรณีน่าจะรับผิดชอบ เพราะเด็กน้อยขนาดนี้มันไม่สมควรให้ขับรถทำให้คนอื่นเดือดร้อนอย่างนี้ จากที่ตนทำงานได้หาเงินได้ ตอนนี้หาเงินไม่ได้ กู้เงินมาสร้างบ้านก็ยังส่งไม่หมดเลย ความจริงในวันเกิดเหตุแม่ของเด็กวัย 15 ปี ก็นั่งอยู่ในรถด้วย แต่ไม่เคยมาดูแลไม่มาถามสักคำ ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าแม่เขาเลย ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร เค้าไม่เคยมีน้ำใจมาดูแลเราเลย พอเราเรียกร้องค่าเสียหาย เค้าก็บอกว่าถ้าร้องเยอะเขาไม่มีเงิน เขาก็ข่มขู่ว่าจะให้ลูกเขาติดคุกแทน