งานนี้ถึงกับเศร้าจนน่าเวทนา และสะเทือนใจต่อผู้พบเห็น เมื่อหนูน้อยเพียงวัยขวบเศษร้องเรียกหาแม่ในงานศพของเหยื่อระเบิดกลางงานบุญจนน้ำตาริน ขณะญาติเผยเหมือนขาดเสาหลักในครอบครัวไป เพราะผู้เสียชีวิตเป็นเสาหลักของบ้านที่หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวแทนสามี ที่มีโรคประจำตัวจนทำงานหนักไม่ได้
2 ก.พ.60 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางเข้าไปยังที่วัดแปลงไผ่วิปัสสนาราม ม.10 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งบรรดาญาติของ น.ส.วิภาวี อิ่มทัศน์ อายุ 30 ปี เหยื่อเหตุปาระเบิดภายในงานบุญปิดทองลูกนิมิต วัดอัมพวัน (กม.7) ได้นำศพกลับมาตั้งสวดพระอภิธรรม เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาตามประเพณีต่อไปนั้น ต้องมาพบกับภาพของความสุดสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ผู้ที่ได้มาพบเห็นถึงกับน้ำตารินด้วยความสงสาร
หลังหนูน้อยวัยเพียง 1 ขวบ 3 เดือน ร้องเรียกหาแม่อยู่เนือง ๆ เป็นระยะ ๆ ท่ามกลางอ้อมกอดของบรรดาญาติ ๆ ที่ต่างเข้ามาปลอบประโลมบอกกับหนูน้อยว่า “แม่นอนหลับปี๋ แม่ไปสบายแล้ว” โดย ด.ญ.เบญญาภา สุรสิทธิ์ หรือ “น้องอะตอม” เป็นบุตรสาวของ นายเบญจพล สุรสิทธิ์ อายุ 35 ปี และ น.ส.วิภาวี อิ่มทัศน์ อายุ 30 ปี ผู้เสียชีวิตที่ตกเป็นเหยื่อระเบิดของการใช้ความรุนแรงอย่างไม่ยั้งคิดของผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีบุตรชายร่วมกันอีก 1 คน คือ ด.ช.อัทธพล อิ่มทัศน์ อายุ 13 ปี ยังเรียนอยู่ชั้น ม.1 ซึ่งทราบว่าบุตรชายนั้นต่างเสียใจนอนร้องไห้ทุกคืนจนแทบไม่เป็นอันกินนอนเช่นเดียวกัน
นางวรรณี สุรสิทธิ์ อายุ 61 ปี มารดาของ นายเบญจพล ผู้เป็นสามีของผู้เสียชีวิต กล่าวระหว่างการทำบุญถวายภัตราหารเพลแด่พระสงฆ์ที่วัดแปลงไผ่วิปัสสนาราม ว่า น.ส.วิภาวี ลูกสะใภ้นั้นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและเป็นเสาหลักของทางบ้านที่ช่วยหารายได้เลี้ยงครอบครัว และดูแลทำงานทุกอย่างในบ้านมาโดยตลอด เนื่องจากผู้ตายเป็นคนแข็งแรงและสู้งาน มีความขยันอดทน เนื่องจากบุตรชายของตนเอง (สามีของ น.ส.วิภาวี) มีอาการปวดหลังจนทำงานหนักไม่ได้มานานแล้ว แต่เขาก็ช่วยกันกรีดยางทำสวนยางกันเองจำนวน 20 ไร่ โดยที่ไม่ต้องไปจ้างหรือแบ่งเงินรายได้ให้ใคร เมื่อไม่มีเขาแล้วครอบครัวก็ต้องลำบากเพราะบุตรชายของตนนั้นยกถังน้ำยางเองไม่ไหว หลังจากนี้ก็คงต้องจ้างคนอื่นมาช่วย และรายได้ที่เคยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ต้องขาดหายไป
ขณะที่ นางโฉม เจริญสุข อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 319 ม.10 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นน้าของสามีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในวันนั้นหลานชายก็ได้ไปเที่ยวงานบุญด้วยกันกับหลานสะใภ้ด้วยกันทั้งสองคน และได้แวะเข้าไปนั่งคุยกันกับเพื่อนก่อนที่จะเดินทางกลับ หลังจากที่ได้ไปปิดทองทำบุญแล้ว โดยระหว่างที่นั่งคุยกันนั้นหลานชายได้ลุกออกไปจากโต๊ะก่อน เนื่องจากปวดปัสสาวะ ในขณะที่ก้าวเดินออกไปก็ยังพบว่ามีวัตถุ (ระเบิด) กลิ้งผ่านขาไปได้เพียงไม่นานจึงเกิดการระเบิดขึ้น จึงถือว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด และจะยิ่งทำให้น่าเวทนายิ่งกว่านี้หากเขาเสียชีวิตไปพร้อมกันทั้งสองคน ก็จะทำให้ลูก ๆ ของเขากำพร้าทั้งพ่อและแม่
ทางด้าน น.ส.สุพัตรา อ่ำเอี่ยม อายุ 35 ปี ญาติอีกรายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ถึงปัจจุบันนี้ทางญาติของผู้ตายก็ยังคงรู้สึกคับแค้นใจต่อผู้ต้องหาที่กระทำผิดอยู่เป็นอย่างมาก ที่ทำให้ครอบครัวเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น และทำให้เกิดความยากลำบากมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่สามารถทำอะไรต่อผู้ต้องหาได้เลย และดูจากท่าทางในวันที่ผู้ต้องหาถูกทางเจ้าหน้าที่นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ดูแล้วเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพ น.ส.วิภาวี อิ่มทัศน์ นั้น ได้นำศพกลับมาตั้งสวดพระอภิธรรมมาเป็นเวลา 3 คืนแล้ว โดยจะทำพิธีฌาปรนกิจศพในวันที่ 5 ก.พ.60 นี้ เวลา 16.00 น. ที่วัดแปลงไผ่วิปัสสนาราม