สายตำรวจ ถูกอาสาซ้อมคดีเสพยา แถมลากเมียรุมโทรมในวัด แถมยัดยาบ้ากรอกปาก เมีย ยังผวา เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายขาดนี้
วันนี้(22 ธ.ค.60) เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่ง สภ.เมืองลพบุรีได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีสายข่าวได้ถูกเจ้าหน้าที่ อส. รุมทำร้ายร่างกายที่ศูนย์บำบัดผู้เสพยาเสพติด จนจะฆ่าตัวตายเมื่อเห็นภรรยาตนเองถูกกลุ่มอส.พาไปรุมโทรมโดยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แถมยังใช้ยาบ้า 2 เม็ดกรอกปากภรรยาเพื่อให้มีประวัติเสพยาอีกคนด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม หลังจากนั้นสองสามีภรรยาถูกปล่อยตัว และเข้าแจ้งความที่สภ.ลพบุรี ตอนนี้หวาดผวา โดยเฉพาะผู้เป็นภรรยา ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนี้
ด้านนายชัย (นามสมมุติ ) อายุ 40 ปี สามี เล่าว่า ก่อนเกิดเรื่องตนเองไปเป๋นสายให้กับตำรวจและล่อซื้อยา สุดท้ายถูกฝ่ายปกครอง และอาสา ควบคุมตัวไว้ พร้อมภรรยา
จากนั้นตนเองถูกส่งตัวเพื่อนำไปบำบัดที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดวัดแห่งหนึ่ง ใน ต.กกโก อ.เมือง ลพบุรี โดยมีภรรยาอาศัยติดรถไปด้วย เนื่องจากมืดค่ำ และขี่จักรยานยนต์ไม่เป็น ขณะที่ทำประวัติก่อนบำบัด ได้มีตำรวจที่ตนเองทำงานให้มาหาเจ้าหน้าที่ อส.เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ปล่อยตัว เนื่องจากเห็นว่านายชัยยัง ทำงานให้ไม่เสร็จ และเมื่อเสร็จแล้วจะนำตัวมาให้ดังเดิม โดยมีอส.ที่คุ้นเคยกับตำรวจชุดนี้ได้อนุญาตให้ปล่อยตัวได้ แต่มีอส.บางนายที่ไม่ยอมให้ไป และยังกล่าวตำหนิตำรวจว่ามันเส้นใหญ่ขนาดไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวจึงบอกว่าหากทาง อส.ไม่อนุญาตก็ไม่เป็นไร ก็ทำตามขั้นตอนในการการบำบัดไป และได้เดินทางกลับ โดยมีภรรยา
นายธงชัย ขอนั่งอยู่ที่ศูนย์ฯ จนกว่าจะเช้าเพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน
หลังจากนั้นอส.เรียกไปสอบสวน และเริ่มรุมซ้อม ถูกลากตัวขึ้นไปกักขังไว้บนหอระฆังวัด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกภรรยาใช้มือถือบันทึกไว้ เมื่อ อส.เห็นได้มากระชากมือถือของภรรยาไป โดยนำซิมการ์ดออกไปจากเครื่อง แล้วนำตัวภรรยาเข้าไปในศาลาชั้นล่างของวัด โดยที่ตนเองมองเห็นเหตุการณ์ และยังได้ตะโกนบอกภรรยาว่า ให้ช่วยเหลือตัวเอง ร้องให้เสียงดัง หากเขาทำอะไรให้วิ่งหนีไปหาพระ และแม่ชีที่จำวัดอยู่
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ภรรยาตนออกมาในสภาพอิดโรย นั่งเหม่อลอยร้องไห้ตลอดเวลา ตนเองถามภรรยาว่าเป็นอะไร จึงทราบว่าภรรยาถูก อส. จำนวน 4 นายรุมโทรม เท่านั้นยังไม่พอ ยังเอายาบ้าจำนวน 2 เม็ดกรอกปากภรรยา เพื่อให้มีสารเสพติดในตัว และจะได้นำตัวส่งสถานบำบัดแห่งอื่น
ตนเสียใจมากได้ตัดสินใจใช้ผ้าพันคอสีส้มกับเชือกป้ายห้อยคอผูกโยงกับมือจับประตูภายในศาลาวัดหวังฆ่าตัวตาย และมารู้ตัวอีกทีใกล้รุ่งเช้าในสภาพเนื้อตัวเปียกปอน โดยมีภรรยาตนเองกอดตนอยู่ภายใน ซึ่งทราบว่ามีผู้ที่มาเห็นเหตุการณ์ และทำการช่วยเหลือตนเอง
นางณี เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า ไม่คิดมาก่อนว่าจะมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายขนาดนี้ ทำไมคนที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐ มันป่าเถื่อนมาก ตอนนี้ตกอยู่ในอาการผวา ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเปรียบกับความเลวร้ายที่ตนเองได้เจอ
นายชัย เล่าต่อว่า รุ่งเช้าตนเองและภรรยากลับถูกปล่อยตัว ทั้งที่ต้องทำการบำบัดตามขั้นตอนทั้งสิ้นจำนวน 12 วัน ก่อนปล่อยได้มีการสั่งกำชับห้ามพูดเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น จากนั้นตนได้มาอาศัยหลบอาศัยหลบนอนที่หน่วยตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี มีภรรยายังคงนั่งกัดฟันด้วยฤทธิ์ยาบ้า ตาขวาง เมื่อตำรวจมาเห็นจึงได้สอบถาม และเค้นความจริงจึงได้ยอมรับสารภาพทั้งหมด ถึงเรื่องที่ตนเองและภรรยาเจอมาเมื่อคืน ตำรวจได้ส่งตัวตนและภรรยาเพื่อทำการรักษาที่ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช เพื่อที่จะขอให้แพทย์ ออกใบรับรองตนเองที่ถูกทำร้าย และร่องรอยการถูกข่มขืนของภรรยา จากนั้นได้พาตัวเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุวรรณศรี ร้อยเวร สภ.เมือง ลพบุรี ในค่ำวันที่ 13 ธ.ค. 60
ร.ต.อ.กิติศักดิ์ ได้รับเรื่องและนำไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และขอเวลาเพื่อทำการสืบสวน สอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยมีนายธงชัย และภรรยาได้สอบถามถึงการดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนของร้อยเวรมาตลอด โดยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 60 ตนเองและภรรยาได้ไปชี้สถานที่เกิดเหตุ และชี้ตัว อส.ที่รุมทำร้ายตนเอง รุมโทรมภรรยา และถูกทำร้าย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ กำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และจะขอให้ส่งตัวเจ้าหน้าที่ อส.ที่ถูกชี้ตัวมาเพื่อทำการสอบสวนทีละรายทุกราย แต่เนื่องจากกำลัง อส.มีน้อยซึ่งยังมีภารกิจที่จะต้องฝึกผู้บำบัดยาเสพติดถึง 238 ราย ซึ่งจะปิดการฝึกในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ รวมถึงบันทึกความเห็นของแพทย์ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ที่ตนเองส่งสำนวนให้ไปแล้วเช่นกัน