สำนึกผิดแล้ว! “ไอ้เก่ง” เขียนจดหมายขอโทษพ่อแม่ “หมอปอ” เผยโดนทุบตีตลอด ขณะที่พ่อ ตัดพ้อ “ไม่รักก็น่าจะบอกกันดีๆ”
นายรณชัย ปานชาติ หรือ เก่ง ได้เขียนจดหมายฝากร้อยเวรเจ้าของคดีมาให้พ่อ และแม่ของนางสาวนนทิญา ครัวจัตุรัส หรือหมอปอ ที่เสียชีวิต โดยมีใจความสรุปว่า นายเก่งอึดอัดกับนิสัยของหมอปอและไม่อยากทำแบบนี้ แต่นายเก่งยังรักพ่อแม่ของหมอปอ จึงอยากขอโทษ
ขณะที่นายเชาว์ และนางสมศรี บอกว่า พวกตนไม่เคยเชื่อ เพราะรู้ว่าลูกสาวเคยถูกนายเก่งทำร้ายร่างกายหลายครั้ง แต่เพราะลูกสาวยังรักนายเก่งมากจนอดทน และกำหนดจะแต่งงานกัน “ถ้าไอ้เก่งไม่รักหมอปอ ก็น่าจะบอกกันดีๆ เรื่องยกเลิกการแต่งงานก็แค่อับอายเท่านั้น ไม่ควรลงมือฆ่าแกงกันแบบนี้ นี่ขนาด 2 ครอบครัวสนิทกัน พ่อแม่ไอ้เก่งมาถึงชุมพร แต่ยังไม่มางานศพเลย ส่วนเรื่องการเผาศพยังไม่ได้กำหนดวัน เพราะต้องรอญาติๆ และเพื่อนๆ ส่วนจะกำหนดวันไหนจะแจ้งอีกครั้ง”
ด้าน นายบำรุง พี่ชายหมอปอ กล่าวว่า อยากให้ศาลลงโทษประหารชีวิตนายเก่ง เพียงสถานเดียว เพราะพฤติกรรมก่อนหน้านี้เพิ่งทราบว่า นายเก่ง เคยวางแผนสังหารครอบครัวของหมอปอด้วย เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ยางรถยนต์ของหมอปอ ที่เพิ่งเปลี่ยนยางใหม่เพียง 7 วัน แต่มีรอยไหม้จากการถูกเผาที่ล้อหน้าด้านขวา ซึ่งรถคันนี้นายเก่ง นำไปใช้อยู่เสมอ จึงคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของนายเก่ง ด้วย
ขณะที่ นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้เดินทางมาร่วมงานศพของหมอปอ โดยมี พ่อ แม่ และพี่ชาย รวมทั้งญาติๆ ของหมอปอ ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ นายณรงค์ ได้มอบเงินสดส่วนตัวจำนวนหนึ่ง ให้พ่อและแม่ของหมอปอ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น โดยครอบครัวได้เล่าถึงความยากลำบากของครอบครัวที่ต้องส่งเสียหมอปอเรียนวิชาทันตกรรมที่วิทยาลัยสาธารณสุขจังหวัดตรัง หมดเงินไปเกือบ 3 ล้านบาท และลูกสาวทำงานเป็นพนักงานราชการได้เพียง 4 ปีเท่านั้น ซึ่งกำลังจะได้รับการบรรจุในเร็วๆ นี้ แต่ต้องมาถูกฆ่าตายเสียก่อน โดยทิ้งหนี้สินที่กู้สหกรณ์ไว้อีกหลายแสนบาท แต่ก็ต้องยอมรับภาระดังกล่าว เพื่อลูกจะได้ไปสบาย
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พลตำรวจตรี สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดชุมพร ได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้รัดกุม และชัดเจนที่สุด ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอผลการตรวจจากนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบในสำนวน แต่คดีนี้ไม่มีอะไรที่หนักใจ เพราะว่าไปตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้น ทางตำรวจมีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ทางตำรวจได้นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัวไปเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พันตำรวจเอก พุฒิพงศ์ พานิชศิลป์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรสลุย กล่าวว่า แม้ว่าจะพบปืนที่ใช้สังหารแล้ว แต่คดีนี้ยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติ่ม เพื่อให้ได้ความจริงมากที่สุด ซึ่งหลักฐานพยานล่าสุด ไม่น่าจะมีผู้ต้องหารายอื่นเพิ่มเติม ส่วนประเด็นเรื่องเงินที่มีข้อมูลออกมาจากทั้ง 2 ฝ่าย เป็นเรื่องที่พูดกันไป ยังไม่มีการนำหลักฐานมามอบให้ทางเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาทำงานรวบรวมพยานหลักฐานสักระยะหนึ่ง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 45 วัน ถึงจะสรุปสำนวนทั้งหมด แล้วยื่นเรื่องต่ออัยการได้ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า