หลังการตรวจค้นกากขยะอิเล็คทรอนิกส์ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และตั้งเป็นกองมหึมาภายในบริษัทดับบลิว เอ็ม ดี ไทย รีไซคลิ้ง ที่จ.ฉะเชิงเทรา ที่ผ่านมา จนมีการขยายผลถึงต้นตอถึงแหล่งการนำเข้า และทราบว่าเป็นการนำเข้ามาทางท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทำให้วันนี้ จึงมีการสนธิกำลังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ หลังมีการสั่งอายัดตู้คอนเทนเนอร์ ที่ระบุว่า เป็นเศษพลาสติก โดยกรมศุลกากรเอ็กซเรย์เบื้องต้นน่าจะไม่เป็นโลหะ จนมีการนำกำลังเข้าตรวจสอบในวันนี้
โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้คีบตัดเหล็กเพื่อเปิดกุญแจที่ล็อคไว้ด้านนอก ก่อนงัดประตูเปิดออก พบภายในกลับเป็นเครื่องเล่นเกมส์เก่า พร้อมแผงวงจริอเล็คทรอนิกส์ ซึ่งจัดว่าเป็นขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่กฎหมายห้ามนำเข้า ถือว่าเป็นการสำแดงเท็จของบริษัท ฮ่องเต้ พลาสติก จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โดยมีทั้งหมด 2 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่พบว่า บริษัทมีโควต้าในการนำเข้าปี 61 จำนวน 3,000 ตัน โดย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เผยว่า เจ้าหน้าที่จะแจ้ง 4 ข้อหา ได้แก่ สำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร นำเข้าสินค้าต้องห้าม และ มีโทษหนักจำคุก 10 ปี หรือปรับ 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ และการนำเข้าวัตถุอันตรายชนิดที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยจะดำเนินคดีกับผู้บริหาร และนิติบุคคลของบริษัท
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังประสานกับกรมโรงงานและกรมศุลากรพบว่า มีอีกรายชื่อบริษัทอีกร่วม 100 บริษัทที่ต้องตรวจสอบหรือเอ็กซเรย์ การนำเข้า 100 % เพื่อสกัดกั้นกากขยะอิเล็คทรกนิกส์ หลังพบพฤติการณ์บาง ส่วนที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะที่ นายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดีกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า เวลานี้มี 7 บริษัทที่กรมโรงงานอนุญาตให้นำเข้าขยะเลคทรอนิกส์ และจากการสั่งสอบพบว่า มีบางบริษัทกระทำผิดเงื่อนไขและอาจจะถึงขั้นระงับใบอนุญาตด้วย
ขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรม กำลังหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสังคยานาการนำเข้าเศษพลาสติกและขยะอิเลคทรอนิกส์ทั้งระบบด้วย สำหรับการจัดการกากขยะอิเล็คทรอนิกส์นั้น เบื้องต้นหากยังอยู่ในขั้นตอนนำเข้าจะต้องผลักดันส่งคืนกลับประเทศต้นทาง โดยบริษัทที่นำเข้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนในกรณีที่เป็นกากขยะอิเลครอนิกส์ที่พบนั้น จะต้องดำเนินกำจัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกตามกรรมวิธี หากพบลักลอบเผาทำลาย หรือฝังกลบ ถูกดำเนินเพิ่มขึ้นด้วยฐานทำลายซ่อนเร้น และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย