องค์กรสตรีโคราชร้องต้นสังกัด พร้อมร้อง ปปช. และผู้ว่าราชการจังหวัดซ้ำ หลังคดีอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดมีพฤติกรรมลวนลามครูสาว ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง แต่กลับได้เลื่อนตำแหน่งได้ จนเกษียณอายุราชการ ก็ยังไม่คืบหน้า
วันนี้ (20 มิ.ย.60) ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา องค์กรสตรี ในนามชมรมพิทักษ์สิทธิ สตรี และเยาวชนนครราชสีมา นำโดย นางสุดาวดี วรกุล ประธานชมรมฯ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.นครราชสีมา) เปิดเผยผลการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนด่านเกวียนวิทยา ที่ถูกกล่าวหาว่า ผู้อำนวยการรายนี้ได้ลวนลามครูสาวโรงเรียนของตนเอง จนถูกแจ้งความดำเนินคดี และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยถึง 2 ครั้งแต่กลับไม่ถูกลงโทษ และได้รับความดีความชอบมีสิทธิรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ถึงแม้ปัจจุบันอดีตผู้อำนวยการรายนี้จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม
นางสุดาวดี วรกุล ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิ สตรี และเยาวชนนครราชสีมา กล่าวว่า ทางชมรมฯ ได้รับเอกสารซึ่งมีการเผยแพร่ไปทั่วของกลุ่มพิทักษ์สตรีลูกย่าโม โดยได้บรรยายถึงพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของผู้บริหาร อบจ.นครราชสีมา และอดีต ผอ.ร.ร.ด่านเกวียนวิทยา โดยระบุถึงพฤติกรรมลวนลามทางเพศข้าราชการครูที่เป็นสุภาพสตรีในโรงเรียนของตนเอง และอ้างอิงหลังฐานตัวบุคคลชัดเจน อันเชื่อได้ว่าเป็นการหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรี ต่อมาถึงแม้อดีตผู้อำนวยการรายนี้จะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่กลับได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นจริง ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง ชมรมพิทักษ์สิทธิ สตรี และเยาวชนนครราชสีมา จึงขอเรียกร้องให้ต้นสังกัดของผู้อำนวยการรายนี้ คือ อบจ.นครราชสีมา ได้เปิดเผยผลการสอบสวนทางวินัย และชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับครูสาวรายนี้ เพื่อป้องกันเกียรติ และศักดิ์ศรีของสตรีชาว จ.นครราชสีมา
สำหรับรายละเอียดเชิงลึก ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลทั้งที่เป็นเอกสาร และคำบอกเล่าถึงเหตุการณ์ฉาวโฉ่ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ประมาณช่วงปี 2556 ข้าราชการครูที่เป็นผู้เสียหาย (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้อำนวยการโรงเรียนขณะนั้น ว่า มีพฤติกรรมลวนลามทางเพศ กระทั่ง อบจ.นครราชสีมา ในฐานะต้นสังกัด ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงชุดแรก โดยมี นายอภิวัฒน์ พลสยม ปลัด อบจ.นครราชสีมา (ขณะนั้น) เป็นประธาน และได้สรุปผลการสอบสวนแต่ อบจ. กลับไม่ดำเนินการใด ๆ
ต่อมา อบจ.ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาใหม่หลายครั้ง พร้อมเรียกผู้เสียหายมาไกล่เกลี่ย แต่ครูสาว ผู้เสียหายไม่ยอมความ กระทั่งผลการสอบสวน ออกมาว่า ผู้อำนวยการรายนี้มีความผิดจริง และเสนอให้ลงโทษทางวินัย และตัดเงินเดือน แต่ อบจ. กลับโยกย้ายผู้อำนวยการรายนี้ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนครบุรี และได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ระดับ 9 หรือได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และถูกรับรองให้เป็นผู้มีสิทธิรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จนเรื่องนี้กลายเป็นข้อกังขาของบรรดาผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัด อบจ.นครราชสีมา จนถึงทุกวันนี้