นศ.ฝึกงาน ถูกเตาสารเคมีระเบิดใส่ใบหน้า ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
เพจเฟซบุ๊ก Red Skull Infinity ได้โพสเรื่องราวของ นักศึกษา หญิงเคราะห์ร้าย ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหน้าและลำตัวอย่างรุนแรง ระหว่างฝึกงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งบริษัทดังกล่าวไม่ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร
โดยทางเพจระบุว่า “วันที่เกิดเหตุทางบริษัทส่งตัวน้องมาที่ รพ.กรุงเทพระยอง โดยได้แจ้งมาทางอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัยว่าน้องโดนน้ำร้อน โดยที่ไม่ทำหนังสือเข้ามาแจ้งทางผู้บริหาร อาจารย์ที่ปรึกษาคิดว่าแค่โดนน้ำร้อนเฉย ๆ ไม่เป็นไรมาก เลยไม่เรียนให้ ผอ.ทราบ เรื่องผ่านมาจนวันที่ 15 ม.ค. ปรากฏว่าอาการของน้องเป็นเยอะมาก ถึงไปแจ้งให้ ผอ.ทราบ พอมีคนรู้เรื่องเยอะขึ้น บริษัทจึงให้น้องออกจากโรงพยาบาลแล้วไปรักษาตัวที่บ้าน พร้อมกับเอาหนังสือมาให้แม่กับน้องเซ็นต์ จึงอยากรู้ข้อกฏหมายว่าสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง” ทำให้โลกโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
นายวีรพงษ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยกับทีมข่าวไบรท์ทีวีว่า เบื้องต้น ทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ระยอง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบและรับฟังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในโรงงานฯแหน่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งทราบว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 และได้สั่งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่าทางบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวมายัง กนอ. ดังนั้น จึงให้บริษัทดังกล่าว ชี้แจงสาเหตุของการของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำ ตลอดจนการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบริษัทฯ ยินดีที่จะรับผิดชอบค่าทำศัลยกรรมให้กับนักศึกษาฝึกงาน ส่วนค่าเยียวยาอื่นๆ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ปกครองของนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้ข้อยุติโดยเร็วต่อไป
ส่วนที่ชาวโซเชียลตั้งคำถามว่า เป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานทำไมถึงให้ทำในส่วนที่อันตราย ผู้ว่าการ กนอ. ชี้แจงว่า นักศึกษาฝึกงาน เพียงฝึกอยู่ภายในห้องแล็บ เพื่อเรียนรู้งานเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในส่วนของพื้นที่อันตรายแต่อย่างใด
ด้านนาย ชุติสิทธิ์ เดชมูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่าทางบริษัทมีความผิด ตามพรบ.โรงงานมาตรา7 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท เกี่ยวกับการที่ไม่ได้รายงานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุ โดยที่ทางบริษัทอ้างว่าหลังเกิดเหตุทุกฝ่ายต่างดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บจนลืมเรื่องการรายงานไป