นี่คือสภาพของเจดีย์อายุกว่า 200 ปี ที่จังหวัดยโสธรถูกพิาของพายุเซินกาถล่ม ส่งผลให้ฐานของเจดีย์ได้พังถล่มลงมา ส่วนยอดเจดีย์ก็ได้เอนเอียงจนเกือบพังล้มลงมาทั้งองค์ ขณะชาวบ้านเดินทางมาดูได้ความเศร้าใจ เนื่องจากเป็นเจดีย์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
หลังจากที่มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดยโสธรเพราะได้รับอิทธิพลของพายุเซินกา จนทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมากและตามลุ่มน้ำต่างๆในพื้นที่จังหวัดยโสธรมีปริมาณน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งล่าสุดจากปริมาณฝนที่ตกลงมายังส่งผลกระทบทำให้เจดีย์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ที่ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านสงเปือย ตำบลสงเปือย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร บริเวณฐานเจดีย์เกิดการชุ่มน้ำจนรับน้ำหนักของเจดีย์ไม่ไหวเกิดการทรุดตัวและพังทลายลงจนทำให้ยอดเจดีย์เอียงเกือบที่จะพังทลายลงทั้งองค์ ทางวัดและชาวบ้านจึงวอนให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการซ่อมแซมเป็นการด่วนเพราะถ้าปล่อยไว้นานหวั่นเกรงว่าเจดีย์อาจจะพังทลายลงมาทั้งองค์ได้
ด้าน พระครูปิยะ ธรรมาธร อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดสงเปือย กล่าวว่า เจดีย์เก่าแก่องค์นี้ได้พังทลายลงเมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ไม่ทราบแน่ชัดว่าก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อใดแต่คาดว่ามีอายุกว่า 200 ปี สูงประมาณ 10 -15 เมตร ด้านในองค์เจดีย์บรรจุดินสังเวชนียสถาน จากประเทศอินเดีย เดิมองค์เจดีย์ทำด้วยหินศิลาแลงต่อมาได้มีการสร้างเจดีย์องค์ใหม่ครอบเจดีย์องค์เดิม โดยได้ต่อเติมบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี 2498 ใช้ทุนของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม และพระปลัดเขียน อัมมาพันธ์ ได้นำดินจากสังเวชนีย์ 4 ตำบล คือที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพาน จากประเทศอินเดียมาบรรจุไว้ในเจดีย์องค์นี้ ซึ่งการพังทลายของเจดีย์เก่าแก่ที่มีชาวบ้านเคารพศรัทธาจึงทำให้ความเศร้าโศกเสียใจ โดยเจดีย์ดังกล่าวกรมศิลป์ได้บอกว่าเป็นรูปทรงคล้ายพระปฐมเจดีย์ ของ จังหวัดนครปฐม เพราะพระปลัดเขียน เคยไปอาศัยอยู่ในภาคกลางมาก่อนจึงอาจนำแบบของพระปฐมเจดีย์ มาก่อสร้างทับเจดีย์เดิมไว้ที่นี้ โดยช่วงก่อนที่จะพังทลายลงนั้นฐานเจดีย์มีรอยแตกร้าว จึงได้นำปูนมาปิดรอยร้าวเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักทำให้น้ำฝนเข้าไปกัดเซาะบริเวณร้อยแตกร้าวช่วงฐานถึงกลางองค์เจดีย์จนทำให้ฐานเจดีย์พังถล่มลงมา “เบื้องต้นจากการตรวจสอบเจดีย์พบว่าที่ฐานเจดีย์พังทลายลงมาเสียหายเกินครึ่ง ส่วนตัวยอดเจดีย์ได้เอียงไปตามแรงที่ดินทรุดตัว โดยทางวัดและชาวบ้านได้นำลวดสลิงมาดึงยอดเจดีย์เอาไว้ทั้งสี่ด้านเพื่อพยุงไม่ให้เจดีย์ล้มลงมาทั้งหมด ซึ่งหลังจากฝนหยุดตกแล้วทางวัดพร้อมญาติโยมจะร่วมกันบูรณะเจดีย์เก่าแก่องค์นี้ต่อไป