กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งสำหรับปัญหาการซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน หลังมีกระแสข่าวมีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ให้ “นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล” ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ลงนามคำสั่งตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งให้ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกฯ ในการบริหารจัดการอัตรากำลัง กรณีมีอัตราว่างสามารถจัดกำลังไปลงในอัตรานั้นได้ ซึ่งคำสั่งนี้มีผลทันทีตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปปฎิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 68/2559 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่นของรัฐและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 16 พ.ย. 2559 เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของงานและแก้ไขข้อขัดข้องในการปฎิบัติงานของหน่วยงานอื่นของรัฐ จึงมีคำสั่ง ให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.ไปปฎิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ที่จัดให้มีขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยประเด็นดังกล่าว ว่า สำหรับสาเหตุการโยกย้าย นายสุระชัย พ้นจากตำแหน่ง ผอ.ขสมก. ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน ขณะเดียวกันการเปลี่ยน ผอ.ขสมก. จะช่วยปลดล็อกปัญหารถเมล์เอ็นจีวีอย่างแน่นอน
โดยแหล่งข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา นายสุระชัย ไม่กล้าตัดสินใจแก้ปัญหา ทั้งที่กรรมการตรวจรับรถมีความเห็นไปแล้วว่าไม่ต้องสนใจกรณีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลกับกรมศุลกากร จะได้ข้อสรุปทางคดีกันอย่างไร เนื่องจากไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน ขณะที่ เบสท์รินฯ ไม่สามารถส่งมอบรถตามระยะเวลาที่สัญญากำหนดและ ขสมก. มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ โดย ผอ.ขสมก. เป็นผู้มีอำนาจบอกเลิกสัญญาคนเดียวแต่กลับไม่ทำอะไรและปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ทำให้ประชาชนเสียโอกาสได้ใช้รถเมล์ใหม่
ขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ระบุว่า การโยกย้าย นายสุระชัย ในครั้งนี้ คาดว่าจะไม่กระทบแผนการดำเนินการของ ขสมก. เพราะแผนทั้งหมด เช่น การจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี การจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า การปรับปรุงสภาพรถเมล์เก่าปรับปรุงสภาพใหม่นั้น การโยกย้ายเป็นเรื่องส่วนบุคคลแต่โครงการต่าง ๆ ต้องเดินหน้าต่อไป
ขอขอบคุณภาพข่าวจาก www.logisticstime.net