วันที่ 25 ม.ค.60 น.ส.ชลธิชา ตั้งวรมงคล เจ้าหน้าที่มูลนิธิสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากประเทศกัมพูชา ล่ามชาวกัมพูชา พ่อแม่ของ 3 ชาวกัมพูชา เดินทางมาถึง จ.ระนอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมเป็นพยานร่วมในฝ่ายพยานผู้เสียหายจากคดีค้ามนุษย์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ม.ค.59 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียหายชาวกัมพูชาทั้งหมด 15 คน และได้มีการสอบปากคำเป็นที่เรียบแล้วจำนวน 12 คน และเดินทางกลับยังประเทศกัมพูชาแล้ว แต่ยังคงเหลืออีก 3 คน ที่ต้องรอขึ้นศาลต่อไป
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลไปยังผู้เกี่ยวข้องอาจจะได้ขึ้นเป็นพยานร่วมในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ทราบว่ากำลังสืบพยานคนสุดท้ายจากนั้นจะสืบพยานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและหลังจากนั้นจะเป็นคิวของญาติที่จะขึ้นสืบเป็นพยานร่วม แต่หากว่าเกินเวลานี้ไปคงต้องเดินทางกลับก่อน ซึ่งเหตุผลที่ทางมูลนิธิฯ นำญาติของผู้เสียหายมาเป็นพยานร่วม เนื่องจากทางญาติสามารถอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่ม โดยเริ่มจากนายหน้าที่รู้จักกันมาชักชวนไปทำงานโดยทำหนังสืออย่างถูกต้อง ญาติก็คิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี แต่ผ่านไประยะหนึ่งขาดการติดต่อกันจึงเกิดความสงสัย พยายามหาข่าวจนมาทราบในที่สุดว่าลูก ๆ ของพวกเขาถูกหลอกมาใช้แรงงาน ทางญาติโดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่มาในวันนี้สามารถอธิบายสาเหตุตั้งแต่เริ่มต้นทางจากประเทศกัมพูชาและเหตุผลอื่นเพื่อประกอบสำนวนการพิจารณาได้
ด้านพ่อแม่และญาติของชาวกัมพูชา ได้เล่าผ่านล่าม ว่า หลังลูกของตนจากไปได้สัก 2-3 เดือน ญาติเริ่มไม่สามารถติดต่อกับลูกหลานของตนเองที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ ครอบครัวทุกครอบครัวมีความเป็นห่วงมากแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้จะติดต่อกับใคร นายหน้าคนดังกล่าวไม่ยอมตอบคำถามแล้วก็หายไปจากพื้นที่ จนเวลาผ่านไปเกือบปีมีลูกโทรติดต่อกลับมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และบอกว่าตอนนี้ได้รับการช่วยเหลืออยู่กับเจ้าหน้าที่ทางการไทย ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ต่อมาไม่นานมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิในกัมพูชาเข้ามาช่วยเหลือ โดยติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฝั่งประเทศเทศไทยเข้าช่วยเหลือ จนพวกตนสามารถเดินทางเข้ามาเป็นพยานเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นในกับเจ้าหน้าที่ไทยได้