6 ก.พ.60 เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบวัตถุคล้ายศพคนถูกมัดมือมัดเท้าจมอยู่ใต้น้ำ บริเวณแม่น้ำแควใหญ่ด้านสวนสมเด็จพระญาณสังวรณ์ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ พบกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มาเล่นน้ำคลายร้อนอยู่ในท่าทีตื่นตกใจ พร้อมชี้ให้ดูจุดที่พบวัตถุคล้ายศพคน ซึ่งจมอยู่ใต้น้ำลึกประมาณหนึ่งเมตร ห่างจากฝั่งประมาณ 10 เมตร เมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ลงไปตรวจสอบดู ก็พบว่าวัตถุดังกล่าว เป็นรูปปั้นพระพิฆเนศขนาดใหญ่ความสูงประมาณ 150 ซม. หนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่ามีสภาพสมบูรณ์ และมีร่องรอยตะไคร่น้ำรวมถึงเศษโคลนติดตามองค์พระพิฆเนศหลายจุด คาดว่าน่าจะอยู่ใต้น้ำมาระยะหนึ่งแล้ว
เจ้าหน้าที่พยายามที่จะนำขึ้นจากน้ำแต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ เพราะรูปปั้นองค์พระพิฆเนศมีน้ำหนักมาก เมื่อพยายามยกทำให้ข้อมือขององค์พระพิฆเนศหัก เจ้าหน้าที่จึงใช้เชือกมัดรอบตัวองค์พระพิฆเนศไว้และรอกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยกันนำขึ้น ซึ่งข่าวการพบรูปปั้นพระพิฆเนศขนาดใหญ่ดังกล่าว ถูกแชร์ไปในเฟซบุ๊กเพจคนเมืองกาญจน์และได้รับความสนใจอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ทราบข่าวเดินทางมาดูการนำองค์พระพิฆเนศขึ้นจากน้ำกันเป็นจำนวนมาก
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์พร้อมด้วยทหารกองพลทหารราบที่ 9 และชาวบ้านรวมกว่า 10 คน สามารถช่วยกันยกองค์พระพิฆเนศขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า รูปปั้นดังกล่าว อาจจะถูกผู้ที่เชื่อเรื่องโชคลางนำมาทิ้งน้ำตามความเชื่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์หรือไม่ก็อาจจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพขโมยมาจากวัดหรือรีสอร์ท เพราะรูปปั้นดังกล่าวมีราคามากกว่า 1 หมื่นบาท แต่อาจจะหาที่ขายไม่ได้จึงตัดสินใจนำมาทิ้งในแม่น้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งก็จะได้มีการตรวจสอบบันทึกการแจ้งความว่ามีการแจ้งหายเอาไว้หรือไม่ต่อไป
ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่รูปปั้นพระพิฆเนศหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมจะถูกน้ำซัดมาเกยฝั่ง จนมีผู้มาพบว่าเป็นไปได้อย่างไร ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าอาจจะเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของรูปปั้นพระพิฆเนศที่อยากจะขึ้นจากน้ำจึงลอยมาเกยฝั่งและดลใจให้มีผู้มาพบเห็นจนสามารถนำขึ้นมาได้ในที่สุด