คนอายุ 40 ปีขึ้นไปคงยังจำได้ถึงกระแสร้อนแรงของการทวงทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์คืนจากสหรัฐอเมริกาเมื่อ 30 ปีที่แล้วได้ ตอนนี้ถึงเวลาทวงคืนวัตถุโบราณของไทยในต่างแดนแล้ว เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตั้งคณะทำงานทวงคืนทรัพย์สมบัติชาติ ที่ล่าสุดรวบรวมไว้ในบัญชีรายชื่อที่จะทวงคืนมากถึง 133 ชิ้น แต่ละชิ้นเป็นของเก่าแก่หายากและทรงคุณค่า ควรที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ในแผ่นดินไทย
ทับหลังพระยมทรงกระบือ จากปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังเหนือหน้ากาล จากปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว คือ โบราณวัตถุ 2 ชิ้นแรกที่ประเทศไทยได้ส่งเรื่องไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว เพื่อทวงคืนกลับมาโดยเร็วที่สุด ซึ่งทั้ง 2 ชิ้นนี้ถือเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญและมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเคยเป็นของประเทศไทยมาก่อน ซึ่ง นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมหารือกับนักวิชาการ เพื่อเร่งหามาตรการทวงคืนสมบัติของชาติให้กลับมาได้รับความดูแลในไทยอีกครั้ง หลังพบวัตถุโบราณ 133ชิ้น ถูกกระจัดกระจายไปจัดอยู่ใน 20 พิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ อาทิ พิพิธภัณฑ์ ชอง-มุน-ลี ในสหรัฐอเมริกา ได้นำพระโพธิสัตว์และพระพุทธปฎิมา สำริด ของปราสาทปลายบัด 2 จ.บุรีรัมย์ จำนวน 4 องค์ไปตั้งแสดง รวมถึงอีกหลายประเทศที่ได้ครอบครองโบราณวัตถุของไทยไว้ และยังไม่มีการส่งคืน ซึ่งรัฐมนตรีเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจาติดตาม ทวงคืนสมบัติชาติเหล่านี้ให้กลับคืนมา
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะยึดหลักความร่วมมือรัฐต่อรัฐในการดำเนินการทวงคืน โดยในขณะนี่้ได้ส่งเรื่องไปยังประเทศที่ครอบครองโบราณวัตถุทั้ง 133 ชิ้น นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประมาณปี 2530 ก็เคยเกิดปรากฏการณ์ที่คนไทยทั้งชาติลุกขึ้นเรียกร้องทวงคืน ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เป็นทับหลังที่ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไทย ที่เชื่อว่าถูกโจรกรรมไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2503 ในช่วงสงครามเวียดนาม และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทยนำโดยรัฐบาล และ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมาทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี ในปี พ.ศ. 2531