เผยเคล็ด (ไม่) ลับ วิธีดูแลแบตรถ EV ให้อยู่คู่กับเราไปนาน ๆ ด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถยนต์ไฟฟ้า(EV) กำลังเป็นที่สนใจในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถยนต์ไฟฟ้า(EV) กำลังเป็นที่สนใจในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยังกังวลที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คือ ค่าการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ โดยปกติแล้วค่ายรถยนต์ต่างๆก็จะมีการรับประกันแบตเตอรี่ให้ระยะเวลาหนึ่งเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 5-8 ปี แล้วแบตเตอรี่ก็จะเริ่มมีประสิทธิภาพลดลง ทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ย่อมจะสามารถช่วยให้เราใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV) ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

เคล็ด(ไม่) ลับ วิธีถนอมแบตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า( EV ) มีดังนี้
⦁ จอดรถยนต์ไฟฟ้าในที่ร่มเสมอ
โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบจัดการความร้อนภายในตัวรถอยู่ (Thermal Management) เพื่อรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ถ้าหากจอดรถยนต์ทิ้งไว้กลางแดดเป็นระยะเวลานาน ระบบการจัดความร้อนก็จะทำงานอยู่ตลอดซึ่งนั่นก็จะทำให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในระหว่างการจอดอยู่กลางแดด ควรเลือกร่มเงาเมื่อจอดรถในวันที่อากาศร้อนจัด แบตเตอรี่ที่สัมผัสกับวันที่อากาศร้อนจะเสื่อมเร็วกว่าแบตเตอรี่ในสภาพอากาศหนาวเย็น
⦁ หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100%
การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% นั้น จะทำให้เราสามารถขับรถยนต์ไปได้ระยะไกลสูงสุด เท่ากับขนาดแบตเตอรี่ของตัวรถยนต์ แต่พฤติกรรมการใช้งานจนแบตเตอรี่เหลือจนเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์และทำการชาร์จกลับเข้าไปใหม่จนเต็ม 100% นั้นส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นลดลง ซึ่งระดับของการชาร์จที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ระดับ 30% -80 % อยู่ตลอดก็เพียงพอ
⦁ การใช้รถยนต์ในปริมาณมากไม่ได้เท่ากับการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่สูงขึ้น
การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า(EV) สูงไม่ได้แสดงการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่สูงขึ้น เนื่องจากแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่เราใช้นั้นเป็นชนิด Lithium-ion ซึ่งจะไม่มีผลกับเรื่อง Memory Effect จำนวนครั้งที่เราชาร์จไม่ได้มีผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่
⦁ ไม่ใช้การชาร์จแบบ DC บ่อยจนเกินไป
การชาร์จแบบ DC หรือแบบไฟฟ้ากระแสตรงนั้นช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางไกลให้เราได้พอสมควร แต่ถึงกระนั้น การชาร์จในลักษณะนี้กลับส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลง เนื่องจากจะมีการอัดประจุเข้าไปเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ในต่างประเทศได้มีสถิติเกี่ยวกับค่าความเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ในกรณีที่ใช้ระบบชาร์จแบบ DC ว่าค่าประสิทธิภาพของแบตเตอรี่จะลดลงไปมากกว่าการชาร์จแบบ AC ประมาณ 1% ในทุกๆ 1 ปี

ข้อคิดส่งท้าย ก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า(EV) จะไม่มีประโยชน์หากต้องจอดอยู่กับที่ ยิ่งชาร์จ ยิ่งใช้ การนำออกมาวิ่งเพิ่มระยะทางต่อคันให้มากขึ้นต่างหากจึงจะเป็นแนวทางที่ควรปฏิบัติ แบตเตอรี่ที่เสียไปในการใช้ไม่ส่งผลกระทบและไม่ควรนำมาบดบังคุณประโยชน์มากมายที่รถยนต์ไฟฟ้า(EV)มีให้ในแง่มุมด้านสิ่งแวดล้อม
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- https://www.n-squared.co.th/post/ev-battery
- https://www.geotab.com/blog/ev-battery-health/
- https://www.motortrend.com/news/ev-lithium-ion-battery-life-tips-tricks-advice/