นมแม่ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (WHO) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNICEF) และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย รณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเดือนวันแม่แห่งชาติและสัปดาห์นมแม่โลก ภายใต้แนวคิด “Support Breastfeeding for A Healthier Planet : รักลูก รักเรา รักษ์โลก สนับสนุนให้ลูกกินนมแม่” เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน รวมทั้งขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการในการส่งเสริม สนับสนุน และปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทย
วันนี้ (6 สิงหาคม 2563) นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สัปดาห์นมแม่โลกในเดือนวันแม่แห่งชาติ ภายใต้แนวคิด “Support Breastfeeding for A Healthier Planet : รักลูก รักเรา รักษ์โลก สนับสนุนให้ลูกกินนมแม่” ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ว่า สัปดาห์นมแม่โลกในปีนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (WHO) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNICEF) และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เพื่อเน้นย้ำให้ทุกคนในสังคม ช่วยกันสนับสนุนให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่ รวมทั้งสื่อสารให้ประขาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และกินอาหารตามวัยควบคู่กับนมแม่ โดยขับเคลื่อนนโยบาย มาตรการในการส่งเสริม สนับสนุน และปกป้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพียงร้อยละ 23.1 และมีเด็ก ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องจนถึง 2 ปี เพียงร้อยละ 13
นายแพทย์อรรถพล กล่าวต่อไปว่า การสื่อสารให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ เพราะนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต พัฒนาการทั้งกาย ใจ สติปัญญา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อแม่ ช่วยลดการตกเลือดหลังคลอด มดลูกเข้าอู่เร็ว น้ำหนักตัวกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ นมแม่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะนมแม่เป็นอาหารจากธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการผลิต การบรรจุ การจัดเก็บการขนส่งหรือการกำจัด ซึ่งทำให้ลดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอีกด้วย
“ทั้งนี้ กรมอนามัยได้ร่วมกับบริษัทขนส่งจำกัด บริษัทนครชัยแอร์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อขนส่งนมแม่แช่แข็งจากทั่วประเทศจัดส่งให้กับลูกที่อยู่กับปู่ย่าตายายในต่างจังหวัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้ลูกมีโอกาสได้กินนมแม่จนครบ 6 เดือน นอกจากนี้ สำหรับสถานการณ์ที่มีการ แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมาอาจเกิดความกังวลและสับสนในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กรมอนามัยจึงขอเน้นย้ำให้คุณแม่หลังคลอดทุกคน สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตามปกติ แต่ควรระวังการสัมผัสเชื้อ โดยต้องล้างมือก่อนสัมผัสทารกและสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการไอหรือจามขณะให้นมลูก และในส่วนของ
ผู้ที่ต้องการบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค หรือนมผง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัย เพื่อให้ไม่เกิดการละเมิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว