ขมสก.ชี้แจง กรณี กระเป๋ารถเมล์ชักเกร็งหลังฉีดวัคซีน พบมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ จึงทำให้อาการกำเริบ ยืนยันยังไม่เสียชีวิต
วันนี้ 29 พฤษภาคม นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีพนักงานเก็บค่าโดยสารสาย 62 ท่าน้ำสาธุประดิษฐ์-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพศชาย อายุ 33 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ที่สถานีกลางบางซื่อเมื่อวันที่ 27 พ.ค.64
หลังจากฉีดเสร็จสังเกตอาการ 30 นาทีไม่ได้พบอาการผิดปกติแต่อย่างใด จากนั้นขณะที่พนักงานคนดังกล่าวกำลังจะมาขึ้นรถกับกลุ่มเพื่อนพนักงาน ขสมก. ที่มาฉีดวัคซีนในวันนั้น เพื่อกลับไปที่ทำงานคืออู่สาธุประดิษฐ์พบว่าพนักงานคนดังกล่าวมีอาการปวดศรีษะ ล้มลง แล้วเกิดอาการชักเกร็ง
ทั้งนี้โดยมีเจ้าหน้าที่จึงเข้ามาช่วยเหลือแล้วพาไปรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา หมอวินิจฉัยว่าพนักงานคนดังกล่าวมีโรคประจำตัวคือโรคชักเกร็ง จากนั้นให้การรักษาจนมีอาการดีขึ้น จึงพาพนักงานคนดังกล่าวกลับอู่สาธุประดิษฐ์ จากนั้นพบว่าพนักงานคนดังกล่าวมีชักเกร็งอีกครั้ง
ขณะเดียวกันจากสืบค้นประวัติพบว่าพนักงานคนนี้เคยรักษาอาการชักเกร็งที่ รพ.เลิดสิน จึงรับส่งตัวไปรักษาที่ รพ.เลิดสินทันที ซึ่งแพทย์วินิจฉัยโรคว่ามีอาการชักเกร็ง ขณะนี้นอนรักษาต่ออยู่ที่ รพ.เลิดสิน รู้สึกตัวดีและช่วยเหลือตนเองได้ ยืนยันว่าไม่มีการเสียชีวิตเหมือนที่เคยมีการนำเสนอข่าวแต่อย่างใด
นายสุระชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการซักประวัติพนักงานคนดังกล่าวพบว่า มีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก และเคยเข้าการรักษาอาการชักเกร็งที่ รพ.เลิดสิน เมื่อช่วงเดือน มี.ค.64 จากนั้นอาการดีขึ้น แพทย์จึงให้กลับบ้านและให้ยามารับประทานเพื่อรักษาโรคดังกล่าว เมื่อยาหมดแล้วพบว่าอาการดีขึ้น พนักงานคนดังกล่าวจึงไม่ได้กลับไปขอยาที่ รพ. มารักษาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาดการรักษา และไม่ได้ทานยามาสักพักแล้ว จึงทำให้อาการกำเริบ
แต่กรณีพนักงานคนนี้ไม่ได้แจ้ง ขสมก. ว่ามีโรคประจำตัว เพื่อให้แพทย์ประเมินก่อนการฉีดวัคซีน ทำให้ไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้จึงเกิดปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ขสมก. เน้นย้ำพนักงานที่เข้าฉีดวัคซีนทุกคนว่า ถ้าใครมีโรคประจำตัวต้องแจ้งหัวหน้างานทันที เพื่อส่งข้อมูลให้แพทย์ประเมินว่าสามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่เพื่อป้องกันการเกิดกรณีแบบนี้อีก