แชร์ลูกโซ่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้าถึงกรณี ตามที่สื่อสังคมโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวเกี่ยวรวบแก๊งแชร์ลูกโซ่ หลอกหาสมาชิก ขายโซล่าร์เซลล์แพงเกินจริง แลกกู้เงิน 2.5 ล้าน ว่า
จากกรณีในห้วงนี้มีประเด็นการหลอกลวงบ่อยครั้งอาทิเช่น กรณี จว.กาญจนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประขาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ โดย ผบ.ตร. ได้กำชับหน่วยที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดให้เฝ้าติดตามพฤติการ สืบสวนหาข่าว ดำเนินคดี และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานร่วมปฏิบัติอื่นๆ เมื่อได้รับการร้องขอ
อีกทั้ง ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการทุกกองบัญชาการในสังกัด ภ.1-9 , บช.น. , บช.ก. และหน่วยที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอดให้ทำการสืบสวนสอบสวน ปราบปราม ขยายผล กลุ่มผู้ต้องหาที่กระทำความผิดจำนวนหลายราย พร้อมดำเนินการในมาตรการยึดทรัพย์จำนวนมากตามความผิดในฐานฟอกเงิน
โดย ผบ.ตร. ได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีความห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดย ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ที่กระทำความผิดให้มารับโทษตามกฎหมาย พร้อมดำเนินการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น การเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุนและสังคม
และ ผบ.ตร. ได้กำชับให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และกองบัญชาการในสังกัดทุกพื้นที่ ประสานการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทำการปราบปรามและสืบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย ในการหลอกลวง การฉ้อโกง ต้มตุ๋นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในห้วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงประชาชนประเภทต่างๆ เป็นเหตุมีผู้หลงเชื่อและสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก เช่น กลุ่มแชร์ลูกโซ่หลอกลวงลงทุน หลอกลวงให้ขายสินค้าจากผู้มีชื่อเสียง หลอกซื้อทัวร์เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ, กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การกระทำในลักษณะที่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
การกระทำความผิดที่พบอยู่บ่อยครั้งนั้นอาจเข้าข่ายในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นต้น มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้หากมีประชาชนได้รับความเสียหายสามารถเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุหรือพื้นที่ใกล้บ้านท่านได้เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อีกทั้งขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน นักลงทุน ขอให้พึงระลึกว่า “ของฟรีไม่มีในโลก ของถูก ต้องถูกอย่างมีเหตุผล” โดยหลักการนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้เกี่ยวกับการการสมัครสมาชิกเพื่อรับผลตอบแทน การลงทุน การซื้อสินค้าในโลกออนไลน์ อีกทั้งต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องหาข้อมูลให้รอบด้านเสียก่อนตัดสินใจ ก่อน ความน่าเชื่อถือของ นิติบุคคล องค์กร ผู้ประกอบการ ร้านค้าหรือบริษัทที่ประกอบกิจการ หรือตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน และอย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมหลอกลวงดังกล่าวโดยง่าย
หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแส สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ หมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 , ศปอส.ตร. โทร 1155 ได้ตลอด 24 ชม.
