ตลาดน้ำมันโลกฟื้นตัว ขานรับจีนเปิดประเทศผ่อนคลายมาตรการคุม “โควิด” COVID-19 ในเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน
จากการที่ประเทศจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีนประกาศยกเลิกข้อกำหนดที่ประชาชนต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเข้าใช้บริการในสถานที่สาธารณะ หลังจากที่เมืองสำคัญอีกหลายแห่งของจีน ตั้งแต่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ไปจนถึงเมืองเซินเจิ้นซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของจีน ได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวไปแล้ว
ล่าสุดคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของจีน (National Health Commission: NHC) ประกาศเปลี่ยนแปลงให้ผู้เดินทางเข้าประเทศไม่ต้องกักตัว แต่ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 2 วันก่อนออกเดินทาง มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นไป
ปัจจัยอื่นที่สอดรับต่อความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลก ได้แก่ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นาย Alexander Novak ประกาศจะลดการผลิตน้ำมันดิบลง 5-7% (ประมาณ 5-7 แสนบาร์เรลต่อวัน) ภายในต้นปี 66 เพื่อตอบโต้ที่สหภาพยุโรป (EU), กลุ่มชาติมหาอำนาจ G7 และออสเตรเลีย กำหนดเพดานราคา (Price Cap) น้ำมันดิบรัสเซีย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 65 ทั้งนี้ คาดว่ารัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท (ก๊าซธรรมชาติเหลว) ในปี 65 เฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.2 แสนบาร์เรลต่อวัน)

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ สภาพอากาศที่รุนแรงและยากต่อการพยากรณ์หรือคาดเดาได้ยาก เช่น ที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ Bomb Cyclone ที่อุณหภูมิลดลงฉับพลันและเกิดพายุฤดูหนาวรุนแรงพัดถล่มหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ส่งผลให้ในวันที่ 23 ธ.ค. 65 โรงกลั่นบริเวณอ่าวเม็กซิโก กำลังการกลั่นรวมกันกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต้องหยุดดำเนินการ
ทั้งนี้ โรงกลั่นในแถบอ่าวเม็กซิโกมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบปกติอยู่ที่ประมาณ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ เว็บไซต์ข้อมูลการเดินทาง FlightAware ระบุเที่ยวบินในสหรัฐฯ ในวันที่ 25 ธ.ค. 65 ถูกยกเลิกกว่า 2,500 เที่ยวบิน และล่าช้ากว่า 6,000 เที่ยวบิน จากสภาพอากาศที่เลวร้าย